“เรดบีท เวนเจอร์ส” หน่วยงานด้านการลงทุนดิจิทัลในเครือแอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดรายใหญ่ของแอร์เอเชีย จับมือเป็นพันธมิตร “500 สตาร์ทอัพส์” จัดตั้งกองทุนเพื่อการลงทุนเงินทุนมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐ ตั้งเป้าเข้าลงทุน และให้การสนับสนุนบริษัทสตาร์ทอัพ ที่สามารถเติบโตได้ ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางและไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เน้นสตาร์ทอัพที่ต้องการเข้ามาลงทุน หรือขยายกิจการที่มีอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เรดบีท แคปิตัล จะอยู่ภายใต้การบริหารงานของ “ไอรีน โอมาร์” รองซีอีโอ แอร์เอเชีย กรุ๊ป และซีอีโอเรดบีท เวนเจอร์ส โดยหน่วยงานนี้ จะดำเนินการอย่างเป็นอิสระจากแอร์เอเชีย และจะมีฐานการดำเนินงานอยู่ทั้งในซานฟรานซิสโก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบัน บริษัท 500 สตาร์ทอัพส์ ได้ร่วมมือกับบริษัทต่างๆ มาแล้วกว่า 2,210 แห่ง และร่วมมือกับผู้ก่อตั้งกว่า 5,000 ราย ใน 74 ประเทศ โดยมี 10 บริษัทที่ถือว่าเป็นยูนิคอร์น (ธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์) เช่น Twilio SendGrid Credit Karma Canva และ Grab รวมถึงบริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์อีก 66 บริษัท นอกจากนี้กองทุนเรดบีทจะเลือกที่จะร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพที่อยู่ในไปรไฟล์ของบริษัท 500 สตาร์ทอัพส์ อีกด้วย
คริสทีน ไซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 500 สตาร์ทอัพส์กล่าวว่า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่าในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่คิดจะริเริ่มธุรกิจ การที่แอร์เอเชียเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับซิลิคอน วัลเลย์ และร่วมมือกับ500 สตาร์ทอัพส์ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับกลุ่มนักธุรกิจสตาร์ทอัพในเครือข่ายของเราเป็นอย่างมาก ส่วนมากมีความมุ่งหวังที่จะก้าวไปทำธุรกิจในระดับโลก
โทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย กล่าวว่า แอร์เอเชียและกองทุนเรดบีท มองหาบุคลากรที่ยอดเยี่ยมที่สุดเพื่อช่วยพัฒนาเทคโนโลยีการท่องเที่ยว
การเริ่มต้นที่ซานฟรานซิสโกถือเป็นจุดหมายที่ดีสุด โดยจะเริ่มดำเนินการภายในปีนี้ พร้อมทำงานร่วมกับคริสตีนและทีม 500 เพื่อมองหาและลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่ต้องการเติบโตและขยายธุรกิจ โดยเฉพาะขยายมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นภูมิภาคที่บริษัทมีเครือข่ายเส้นทาง มีข้อมูลและความเชี่ยวชาญในการช่วยพัฒนา
กองทุนร่วมลงทุนดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการปฏิรูปธุรกิจของแอร์เอเชีย โดยจะพัฒนาให้เป็นธุรกิจทางด้านเทคโนโลยีการท่องเที่ยว นำโดยไอรีน โอมาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเรดบีท เวนเจอร์ส และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย (เทคโนโลยีและดิจิทัล)
ไอรีน โอมาร์ กล่าวว่า การร่วมมือกับบริษัทดิจิทัลและเทคสตาร์ตอัพจะช่วยให้เรามีนวัตกรรมและยกระดับธุรกิจของเราให้เป็นบริษัทเทคโนโลยีการท่องเที่ยวชั้นนำ เราตื่นเต้นที่จะเห็นการนำแนวคิดใหม่ๆไปใช้พัฒนากิจการดิจิทัลของเรา
สำหรับเรดบิท เวนเจอร์ส มีธุรกิจย่อยที่เกี่ยวกับดิจิทัลอยู่ในเครือ ได้แก่ BIGLIFE (แอร์เอเชีย BIG Loyalty, travel360.com และ Vidi), ROKKI, BigPay และ RedCargo โลจิสติกส์ และจากนี้ จะหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆผ่านกองทุนเรดบีท ลงทุนในธุรกิจเชิงดิจิทัลทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกา
