“จตุพร” ติง “กกต.” ทำงานประหลาด ควรตีความการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของ “นายกฯ” ไม่ใช่ออกมาบอกหาเสียงได้ มั่นใจ “พปชร.” แพ้เลือกตั้งเพราะต้นเหตุจาก “ประยุทธ์”
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ กล่าวก่อนร่วมปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ต่อกรณีพรรคพลังประชารัฐ(พผชร.) วางตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ช่วยหาเสียงนั้น ส่วนตัวแปลกใจว่าวันนี้ (3 มี.ค.) สิ่งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. ควรทำเป็นอย่างแรกไม่ใช่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถไปหาเสียงได้ เพราะปกติคนที่อยู่บัญชีรายชื่อนายกฯ เป็นหน้าที่ที่ต้องไปหาเสียงอยู่แล้ว
ทั้งนี้จะไปกินแรงคนอื่นแล้วนั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาลได้ยังไง ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าดีใจ แต่เป็นความประหลาดตรงแทนที่ จะวินิจฉัยเรื่องความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐก่อน ณ ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกก็สายไป ถือว่าความผิดนั้นได้กระทำสำเร็จแล้ว วันนี้ถามว่าคนไทยรู้สึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เชื่อจริงไหม ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจในโรงพักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไหม ถ้าตำรวจในโรงพักเป็นเจ้าหน้าที่รัฐฉันใด พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นเจ้าหน้าที่รัฐฉันนั้น
อย่างไรก็ตาม วันนี้บอกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นบุคคลสาธารณะ แต่ไปออกคำสั่งให้ข้าราชการปฏิบัติตาม บุคคลสาธารณะไปใช้พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างไร วันนี้สังคมไทยกำลังสับสน บอกว่าสามารถหาเสียงได้ ไปดีใจในเรื่องที่ควรไม่ดีใจ ส่วนตัวได้ตั้งข้อสังเกตและเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐแพ้ เพราะเงื่อนไขการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐของพล.อ.ประยุทธ์ จะถูกหยิบยกมาให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ
“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องดู 4 รัฐมนตรี ทำไมไม่สามารถลง ส.ส. ได้แม้แต่คนเดียว แล้วทำไมพล.อ.ประยุทธ์ ไปอยู่ในบัญชีนายกฯ พรคพลังประชารัฐได้ รัฐธรรมนูญถูกเขียนล็อกหน้า ล็อกหลัง ท้ายที่สุดกลับไปติดกับตัวเอง หากปล่อยให้การเลือกตั้งเดินมาถึงวันที่ 24 มีนาคม 2562 ท้ายที่สุด การเลือกตั้งก็จะเป็นโมฆะ และกกต.ก็ติดคุก นี่จะเป็นเรื่องใหญ่” นายจตุพร กล่าว
ส่วนกรณีที่นายสมชาย เพศประเสริฐ ลาออกจากรองหัวหน้าพรรค อันเนื่องจากปัญหาภายในพรรคนั้น เรื่องนี้ต้องเคารพการตัดสินใจ และที่เหลือต่อจากนี้ต้องยืนขึ้นให้ได้เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า เพราะเหลืออีกเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ส่วนกรณีมีการปล่อยข่าวเรื่องซื้อขายลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคนั้น ทุก ๆ พรรคย่อมมีความไม่พอใจในเรื่องบัญชีรายชื่อ ก็ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา บวกกับความเดือดร้อนในพรรคเพื่อชาติ ซึ่งไม่มีงบประมาณอย่างที่คนเข้าใจจะให้ผู้สมัครมากที่สุด 1 แสนบาท รองลงมา 7 หมื่นบาท และ 5 หมื่นบาท
“มีพรรคการเมืองไหน พรรคเล็กกว่านี้ยังจ่ายมากกว่านี้เลย ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่ว่าถ้าเกิดตรวจพบ ผมเดินถอยหลังออกทันที ไม่มีวันไปผสมผสานเป็นอันขาด ผมมีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้ว”ผู้ช่วยหาเสียงพรรค ระบุ
ขณะเดียวกัน นายจตุพร ยังได้ปราศรัยใหญ่ตอนหนึ่งว่า วันนี้ (3มี.ค.) มาขอเสียงประชาชนให้เลือกพรรคเพื่อชาติ เพื่อเอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับบ้าน เพราะในเมื่อเอานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านไม่ได้ แต่เอาพล.อ.ประยุทธ์กลับบ้านได้ สถานการณ์ปัจจุบันอยากจะสืบทอดอำนาจ แต่ไม่ยอมลาออกจากนายกฯ
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากของฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อถึงโค้งสุดท้ายอีก 3 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจรู้ว่าถ้าไม่จัดการฝ่ายประชาธิปไตย พรรคพลังประชารัฐ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่สุด วันนี้จึงต้องปลุกวาทกรรมสร้างความขัดแย้งใหม่
นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับ ส.ว. 250 คน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปเชิญคนที่เป็นกลางทางการเมืองมากที่สุดมาเป็นประธานกรรมการสรรหา คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ทำให้เป็นศึกที่ยากลำบากมาก ดังนั้น ฝ่ายประชาธิปไตยมีภารกิจ ครึ่งหนึ่งของสภา คือ 375 เสียง ส.ว. แต่งตั้ง 250 เสียง หาอีกแค่ 126 เสียง ก็ได้เป็นนายกฯ จึงขอให้ประชาชนตั้งเป้าให้ฝ่ายประชาธิปไตยต้องการ 376 เสียง