สหรัฐ และเกาหลีใต้ แถลงในวันนี้ (3 มี.ค.)ว่า ทั้ง 2 ประเทศตัดสินใจที่จะยุติการซ้อมรบอย่างเต็มรูปแบบประจำปี ในช่วงเวลาที่รัฐบาลวอชิงตันกำลังเดินหน้าความพยายามที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ
การตัดสินใจข้างต้นยังเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังจากการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กับนายคิม จอง อึน ประธานประเทศเกาหลีเหนือ ที่กรุงฮานอย เวียดนาม ปิดฉากลง โดยไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการออกมา แม้ 2 ฝ่ายจะส่งสัญญาณถึงการเดินหน้าหารือต่อไปก็ตาม
แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือเพนตากอน ระบุว่า นายแพทริค ชานาฮาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายจูง เคียง ดู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ และทั้ง 2 ฝ่ายตัดสินใจที่จะยุติปฏิบัติการซ้อมรบคีย์ รีโซล์ฟ และ โฟล อีเกิล (Key Resolve and Foal Eagle)
โฟล อีเกิล ถือเป็นปฏิบัติการซ้อมรบร่วมขนาดใหญ่สุดของสหรัฐ และเกาหลีใต้ จากการที่มีทหารเข้าร่วมการซ้อมรบมากถึง 230,000 นาย แบ่งเป็นฝ่ายเกาหลีใต้ 200,000 นาย และสหรัฐอีก 30,000 นาย สร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลเปียงยางมาโดยตลอด
ขณะที่แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะหันไปใช้วิธีฝึกอบรมด้านการวางแผนการรบ และการบัญชาการร่วมกัน เพื่อเตรียมพร้อมทางทหารอย่างต่อเนื่องแทน
แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ยังเกิดขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินความพยายามทางการทูตเพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และผ่อนคลายความตึงเครียดทางทหารกับทางเกาหลีเหนือ