World News

อาเซียนแห่ผ่อนกฎวีซ่า ดึงนทท.ตลาดใหม่ ลดพึ่งพาจีน

หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หาทางรับมือกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เดินทางเข้ามาในแต่ละประเทศมากสุด ด้วยการผ่อนคลายกฎการขอวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวจากยุโรป ลาตินอเมริกา และประเทศต่างๆ ในเอเชีย ให้ดำเนินการได้ง่ายดายขึ้น

207564

เมื่อปี 2561 ไทย แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสุดในภูมิภาคนี้ มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามา 38 ล้านคน ซึ่งในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไทยประกาศยกเลิกค่าธรรมเนียม 2,000 บาท สำหรับการขอวีซ่าหน้าด่านสำหรับนักเดินทางจาก 21 ประเทศและดินแดน รวมถึง จีน อินเดีย และซาอุดีอาระเบีย ไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวียดนามได้เพิ่มรายชื่อ 35 ประเทศ รวมถึง บราซิล กาตาร์ และเบลเยี่ยม เข้าไว้ในกลุ่มประเทศที่สามารถเดินทางเข้ามายังเวียดนามด้วยอีวีซ่าได้ ส่วนกัมพูชา ประกาศว่า ในเร็วๆนี้ จะเปิดให้ชาวจีน และเกาหลีใต้ ใช้วีซ่าเดินทางเข้าออกหลายครั้งระยะเวลา 3 ปี

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวถือเป็นภาคธุรกิจที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คิดเป็นสัดส่วนราว 12% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทย และ 6% ของมาเลเซียเมื่อปีที่แล้ว และ 16% ของกัมพูชาเมื่อปี 2560

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมใน 6 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม พุ่งขึ้นถึง 120 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งราว 20% ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีน

การผ่อนกฎข้อบังคับด้านวีซ่าของหลายประเทศในภูมิภาคนี้ ยังเน้นให้เห็นถึงความพยายามที่จะพัฒนาตลาดใหม่ และลดการพึ่งพาจีน ในช่วงเวลาที่บางประเทศมียอดนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างมาก

เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมายังสิงคโปร์ลดลง 3% ซึ่งเป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่เดือนพฤศจิกายนร่วงไปถึง 12%

จำนวนนักท่องเที่ยวจีนรายเดือน 01
จำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทย

แนวโน้มเดียวกันนี้ เกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยยอดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเวียดนาม ในเดือนธันวาคม ก็ลดลง 2% และลดอีก 11% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับในไทย ที่มียอดนักท่องเที่ยวจีนลดลงยต่อเนื่อง 5 เดิอนติดต่อกันถึงเดือนพฤศนิกายนปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตจำนวนมาก

รายงานที่ออกมาเมื่อเร็วๆ นี้ของเมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า เศรษฐกิจจีนที่ชะลอการเติบโตลงมา ประกอบกับเงินหยวนอ่อนค่า และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง อาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปยังต่างประเทศของชาวจีน โดยประเมินว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้ น่าจะชอลตัวลงมากกว่าการขยายตัวระดับ 6.6% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าธุรกิจการท่องเที่ยวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่าจะเจอกับปัญหามากขึ้น

เมย์แบงก์ ยังชี้ว่า การขาดดุลเป็นวงกว้างในด้านการท่องเที่ยวของจีน ทำให้มีความเสี่ยงที่รัฐบาลปักกิ่งจะเพิ่มความเข้มงวดในการเดินทางไปยังต่างประเทศ และการใช้จ่าย หากสงครามการค้าระหว่างจีน กับสหรัฐเพิ่มความรุนแรงขึ้น

ความเสี่ยงด้านการเมืองเป็นอีกปัญหาหนึ่งสำหรับการท่องเที่ยว โดยในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นั้น รัฐบาลจีนประกาศเลื่อนการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวในนิวซีแลนด์ออกไป การกระทำที่ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ต่อการตัดสินใจของทางการนิวซีแลนด์ ที่ปิดกั้นหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่ของจีน ออกจากตลาด 5จีท้องถิ่น

tourists

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนจะซบเซาลง แต่แนวโน้มระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังสดใสอยู่
คีธ ตัน ซีอีโอบอร์ดการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ระบุว่า ยังมองเห็นความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศของชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มเมืองรอง

เช่นเดียวกับรายงานของเมย์แบงก์ ที่ยังมองเรื่องนี้ในด้านบวกอยู่ โดยชี้ว่า ปัจจุบันมีชาวจีนที่มีหนังสือเดินทางเพียง 9% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ยังมีพื้นที่สำหรับการเติบโตอีกมาก โดยอ้างถึงการขยายสนามบินทั้งในจีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

พร้อมกันนี้ ยังระบุว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดอื่นๆ อาทิ อินเดีย ได้

“ในระยะยาวกว่านี้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มที่จะมีความหลากหลายมากขึ้นในฐานการท่องเที่ยว และลดการพึ่งพาจีน”

Avatar photo