“ตลาดไท” เอ็มโอยู 4 หน่วยงานเกษตร ขยายตลาด “ผักปลอดภัย” ให้ถึง 100 ตันต่อวัน รองรับดีมานด์กลุ่มผู้สูงอายุและโรงพยาบาล พร้อมเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ก.พ.) นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การส่งเสริมอาหารปลอดภัยและการตลาดนำการผลิต” ระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จำนวน 4 หน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กับบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซ์เชนจ์ จำกัด (ตลาดไท)
นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ กำลังผลักดันนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ให้เป็นรูปธรรม โดยร่วมมือกับตลาดไท ในฐานะตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตร เพื่อดูแลเกษตรกรให้เข้าถึงตลาดได้ง่าย และทำหน้าที่เป็นกลไกสนับสนุนให้เกษตรกรผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด มีคุณภาพสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
ทั้งนี้ ตลาดไทได้ริเริ่มโครงการ “ผักปลอดภัย ผักร่วมใจ” เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 แต่ที่ผ่านมาพบว่า ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรที่นำมาจำหน่ายภายใต้โครงการไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของแนวคิดการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับตลาดไท เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพมาตรฐาน และใช้โครงการนี้เป็นช่องทางการตลาด
“บันทึกข้อตกลงฯ ที่จัดทำขึ้นในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่เกษตรกร และผู้บริโภคต่อระบบการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรของไทย สนับสนุนการพัฒนาระบบการรับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันให้แก่เกษตรกรและกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย รวมทั้งพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้มีความรู้ ความเข้าใจในการวางแผนการผลิตและการวางแผนการตลาดที่สอดคล้องกับนโยบาย ‘ตลาดนำการผลิต’ ของกระทรวงเกษตรฯ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม” นายกฤษฎา กล่าว
นายโชคชัย คลศรีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดไทได้ทำโครงการตลาดไทซีเล็ค โดยคัดเลือกสินค้าบางชนิดมาดูแล จัดการเป็นพิเศษ ให้สินค้ามีคุณภาพ ปลอดภัย ตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยเริ่มจากสินค้าพืชผักก่อน โดยเรียกผักที่เข้าร่วมโครงการว่า ‘ผักปลอดภัย ผักร่วมใจ’
โดยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ถึง 31 มกราคมที่ผ่านมา มีปริมาณสินค้าภายใต้โครงการเป็นจำนวนกว่า 2,377 ตัน ปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 42 กลุ่มจาก 18 จังหวัด สินค้ากว่า 40 ชนิด มีปริมาณเข้าสู่ตลาดวันละประมาณ 29 ตัน
แต่ในปี 2562 ตลาดไทมีแผนงานจะขยายการจำหน่ายผักร่วมใจให้ได้ 100 ตันต่อวัน หรือไม่น้อยกว่า 20,000 ตัน ส่งผลให้ต้องมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าเมื่อเทียบกับปัจจุบัน รวมทั้งในปี 2563 จะเริ่มโครงการ ‘ผลไม้ปลอดภัย ผลไม้ร่วมใจ’ และเริ่มโครงการผักผลไม้แปรรูปปลอดภัย ผักผลไม้แปรรูปร่วมใจด้วย
ดังนั้น ตลาดไทจึงได้ร่วมลงนามกับ 4 หน่วยงานในครั้งนี้ เพื่อสร้างความร่วมมือระหว่างส่วนกลางและภูมิภาค ให้มีการขยายการผลิตผักผลไม้ปลอดภัยเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้
กรมวิชาการเกษตรจะมีบทบาทสำคัญในการ สนับสนุนการตรวจสอบรับรองการผลิต การให้ความรู้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ การตรวจสอบย้อนกลับ, กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จะมีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์ตามขอบเขตความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานแล้วเชื่อมโยงการตลาดกับตลาดไท
“สินค้าภายใต้โครงการผักปลอดภัย ผักร่วมใจ ใช้เวลาขายเพียงวันละ 7-8 ชั่วโมงก็หมด และยังเป็นที่ต้องการของตลาดเพิ่มขึ้น เพราะมีดีมานด์จากกลุ่มผู้สูงอายุ ธุรกิจสุขภาพ โรงพยาบาลที่กำลังขยายตัวและ กลุ่มโรงเรียนที่คำนึงถึงสุขภาพ ซึ่งถ้าหากเราจะบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณจำหน่ายผักร่วมใจให้ถึง 100 ตันต่อวันในเดือนธันวาคม ก็ต้องมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นอีก 2-3 เท่าจากปัจจุบัน” นายโชคชัยกล่าว
สำหรับสินค้าที่เข้าร่วมโครงการผักปลอดภัย ผักร่วมใจ จะต้องเป็นผักที่มีใบรับรองมาตรฐานการผลิตจีเอพี หรือเกษตรอินทรีย์ หรือมาตรฐานอื่นที่เชื่อถือได้ ต้องมีคุณภาพ สด สะอาด ปลอดภัย ที่สำคัญ จะต้องมีการตรวจสอบย้อนกลับได้ ที่จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจ และช่วยให้เกษตรกรให้ความสำคัญกับผลผลิตของตนเองมากขึ้น
นอกจากนั้นผักร่วมใจจะถูกสุ่มตรวจสารตกค้างเมื่อนำเข้ามาวางจำหน่ายในตลาด ส่วนราคาของผักร่วมใจ มีการบริหารจัดการให้เกษตรกรได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ขณะที่ราคาผักร่วมใจที่จำหน่ายจะไม่สูงกว่าผักทั่วไปมากนัก
