Business

จับตา ‘แอร์เอเชีย’ ซื้อหุ้น ‘นกแอร์’ อาจเข้าข่ายผูกขาดตลาด!!

“บอร์ดแข่งขัน” จับตากรณี “แอร์เอเชีย” ซื้อหุ้น “นกแอร์” ชี้หากเข้าข่ายผูกขาดตลาดเกิน 50% จะต้องขออนุญาตก่อน ฝ่าฝืนปรับสูงสุดไม่เกิน 0.5% ของมูลค่ารวมธุรกิจ

ตามที่มีกระแสข่าวว่า บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ให้บริการสายการบินไทยแอร์เอเชีย สนใจจะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สายการบินนกแอร์ จากัด (มหาชน) หรือ NOK ผู้ให้บริการสายการบินนกแอร์ จากกลุ่มจุฬางกูร โดยได้ดำเนินการวิเคราะห์สถานะทางธุรกิจ (Due Diligence) เพื่อประเมินมูลค่าปัจจุบันนั้น

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ได้เฝ้าระวังและจับตาดูกรณีนี้อย่างใกล้ชิด หากมีการดำเนินการซื้อหุ้นจริงตามที่เป็นข่าว จะถือว่าเป็นการรวมธุรกิจภายใต้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า

โดยผู้ประกอบธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาการเข้าซื้อสินทรัพย์หรือหุ้น เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอำนวยการ หรือการจัดการ ที่เป็นการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561

นกแอร์2

สำหรับแนวทางการพิจารณาเรื่องดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ

กรณีที่ 1 การรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการผูกขาด หรือการเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด โดยหากสายการบินไทยแอร์เอเชียเข้าซื้อหุ้นสายการบินนกแอร์แล้ว ส่งผลให้สายการบินไทยแอร์เอเชียมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 50% และมียอดเงินขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะเข้าข่ายการรวมธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาด

กรณีนี้ผู้ประกอบการต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และต้องได้รับการอนุญาต ก่อนการรวมธุรกิจ จึงจะสามารถดำเนินการรวมธุรกิจต่อไปได้ หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าธุรกรรมในการรวมธุรกิจ

กรณีที่ 2  การรวมธุรกิจที่อาจส่งผลให้การแข่งขันในตลาดลดลง โดยกรณีนี้จะใช้ยอดเงินขายเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา หากผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งที่มียอดขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการรวมธุรกิจ เพื่อควบคุมนโยบาย การบริหารธุรกิจ การอำนวยการ หรือการจัดการ แต่ไม่เป็นการผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด จะเข้าข่ายการรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ

กรณีนี้ผู้ประกอบการสามารถแจ้งผลการรวมธุรกิจให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าทราบภายใน 7 วัน หลังรวมธุรกิจเรียบร้อยแล้ว หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับในอัตราไม่เกิน 2 แสนบาท และปรับรายวันในอัตราไม่เกิน 1 หมื่นบาทต่อวัน ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนตามกฎหมายอยู่

ดอนเมือง สนามบิน แอร์เอเชีย

“คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้สั่งการให้สำนักงานฯ เฝ้าระวัง และจับตาดูกรณีการรวมธุรกิจ ของสายการบินดังกล่าวข้างต้นอย่างใกล้ชิด และหากตรวจพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางค้า จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างจริงจังและเคร่งครัดโดยทันที” นายสันติชัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันสายการบินไทยแอร์เอเชียเป็นผู้ให้บริการสายการบินราคาประหยัดภายในประเทศอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่ง 30% ของตลาด และสายการบินนกแอร์เป็นผู้ให้บริการอันดับ 2 ด้วยสัดส่วน 23% ขณะเดียวกันสายการบินไทยแอร์เอเชียก็มีรายได้กว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี และสายการบินนกแอร์มีรายได้ประมาณ 1.5 – 2 หมื่นล้านบาทต่อปี

Avatar photo