Business

‘ซาบีน่า’เด้งรับ ‘บาทแข็ง’ ส่งผลดีธุรกิจ

ผู้บริหารซาบีน่าเผยบาทแข็งค่า ส่งผลบวกกับธุรกิจ รับอานิสงส์ 2 เด้ง ต้นทุนนำเข้าวัตถุดิบถูกลง ขณะที่ต้นทุนค่าจ้างโรงงานจีนผลิตสินค้าได้ราคาดีขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น  พร้อมรับมือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำระลอกใหม่ 

จากทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์เมื่อปี 2561 มาอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์ ในปัจจุบันและมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีก

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์“ซาบีน่า” เปิดเผยว่า เนื่องจากค่เงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ปัจจัยดังกล่าวถือว่า เป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินธุรกิจของซาบีน่า ปัจจุบันโครงสร้างรายได้มาจากการขายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” ผ่านช่องทางรีเทล ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าหรือซาบีน่า ช้อป กับช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางขายที่มีประสิทธิภาพสูงและมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร
บุญชัย ปัณฑุรอัมพร

“ในแง่รายได้ เราไม่ได้รับผลกระทบ ปัจจุบันรายได้หลักมาจากการขายในประเทศเป็นหลัก ส่วนรายได้จากการส่งออกแบรนด์“ซาบีน่า” ไปยังประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา,ลาว,เมียนมาและเวียดนาม)  ยังคงเติบโตได้ดีตามการขยายตัวของเศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ทำให้เรายังพอใจกับการรักษาอัตราการเติบโตของการส่งออกไว้ได้ในระดับนี้ เช่นเดียวกับการรับผลิต (OEM) ให้กับลูกค้าในแถบยุโรป ไม่ได้ทำการตลาดเชิงรุกมากนัก ทำให้โครงสร้างรายได้ของ“ซาบีน่า” ไม่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากการแข็งค่าของเงินบาท” นายบุญชัย กล่าว

ซาบิน่า1

ขณะเดียวกัน“ซาบีน่า”ยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่เงินบาทแข็งค่า ในแง่ของต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบที่ต่ำลง ที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การผลิต โดยใช้จีนเป็นฐานผลิตสินค้าที่“ซาบีน่า”สามารถควบคุมคุณภาพได้  เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนจ้างผลิตลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิน) มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลดีต่อประกอบการโดยรวมของบริษัท  แม้จะได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น แต่“ซาบีน่า”ยังคงเป้าหมายอัตราการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 10%  

ct rama3 01

สำหรับผลประกอบการในปี 2561 บริษัทมีรายได้จากการขาย 3,089.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.20% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 2,659.03 ล้านบาท สูงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 361.59 บาท เติบโต 48.72% หรือเพิ่มขึ้น 118.45 ล้านบาท จากปี 2560 มีกำไรสุทธิ 243.14 ล้านบาท โดยยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทเติบโตขึ้นถึง 163.52% ส่วนยอดขายผ่านช่องทางอื่นๆ ก็เติบโตเพิ่มขึ้น

โดยยอดขายชุดชั้นในแบรนด์“ซาบีน่า”ผ่านช่องทางรีเทล  เป็นช่องทางหลักเติบโต 8.64% ขณะที่การส่งออกสินค้าแบรนด์“ซาบีน่า”ไปยังประเทศในแถบ CLMV ขยายตัว 17.38% และรายได้จากสินค้ารับผลิต (OEM) เติบโต 30.26%

center pattaya 03

ส่วนประเด็นที่เป็นกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น บริษัทได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว โดยเฉพาะการบริหารจัดการต้นทุน  เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากที่ผ่านมา การเน้นขายผ่านช่องทางออนไลน์ทำให้บริษัทสามารถประหยัดต้นทุนในส่วนอื่นๆได้มาก ขณะที่การปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมถึงขั้นตอนผลิตต่างๆ ในโรงงานทุกแห่งของซาบีน่า ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น  

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight