Economics

ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ม.ค. ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน!!

ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ม.ค. ต่ำสุดในรอบ 4 เดือน สะท้อนเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้า หวังเลือกตั้งช่วยเงินสะพัด

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนมกราคม 2562 ซึ่งสำรวจจากผู้นำหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศและ กทม. โดยสอบถาม ประธานหอการค้า รองประธานหอการค้าและเลขาธิการหอการค้า โดยสำรวจระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ 2562 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 46.0 ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์2

ส่วนมุมมองอนาคตในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 49.9 ค่าดัชนีทุกรายการต่ำกว่าปกติ และต่ำสุดครั้งแรกในรอบ 13 เดือนของการสำรวจ ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนมกราคม 2562 อยู่ในระดับ 48.0 จากที่เคยอยู่ในระดับ 48.4 ในเดือนธันวาคม 2561 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนและดัชนีไม่เคยอยู่เหนือกว่าระดับปกติที่ระดับ 50

แต่หากพิจารณารายภาคจะพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยมีเฉพาะส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ปริมณฑล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเท่านั้นที่ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนที่เหลือดัชนีความเชื่อมั่นฯ ลดลงทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้

ธนวรรธน์ พลวิชัย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนมกราคม 2562 อยู่ในระดับ 48.0 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวช้าและไม่โดดเด่น และยังกังวลทิศทางในอนาคต โดยมองว่าภาคการเกษตรยังมีสัญญาณแย่ลงมีการตอบถึง 38% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่โดดเด่น แต่คาดหวังว่าการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ น่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในจังหวัดต่าง ๆ ที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้

ส่วนประเด็นที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ สงครามการค้าทำให้ดัชนีติดลบต่อเนื่อง 3 เดือนตั้งแต่พฤศจิกายน 2561- มกราคม 2562 ทำให้ผู้ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดภายในประเทศมีสัญญาณซึมตัว แต่บรรยากาศไม่ถือว่าผิดปกติรุนแรง ยังมีความเข้มแข็งในภาคอุตสาหกรรมยังเกินระดับ 50 ที่เป็นค่าปกติทั้งของภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานครและปริมลฑล

ทั้งนี้ มองว่าหากสงครามการค้าไม่รุนแรงไปกว่านี้ซึ่งก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น และอังกฤษรอมชอมกรณี BREXIT ขณะที่บรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศกลับมาจากเงินสะพัดช่วงเลือกตั้งทั่วไปเดือนมีนาคมนี้ รวมถึงผลจากการมีพระราชพิธีสำคัญในประเทศไทย คาดหวังว่าจะมีเม็ดเงินสะพัด และคาดว่าเดือนพฤษภาคมนี้ น่าจะได้นายกรัฐมนตรีได้รัฐบาลใหม่ประมาณเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้ รัฐบาลมีการใช้จ่ายงบประมาณทั้งงบลงทุนและงบปกติและเร่งรัดการเบิกจ่าย คาดหวังว่าจะบริหารจัดการเงินบาทที่เหมาะสมเพื่อเอื้อต่อการส่งออกของไทยขยายตัว 4% ต่อปี

Avatar photo