แผนขายหุ้นทิ้ง”กลุ่มจุฬางกูร”ในนกแอร์ให้กับแอร์เอเชีย ส่อเค้าสะเทือนถึงการบินไทย ที่อาจจะต้องขายทิ้งเช่นกัน คาดหลังเมินเพิ่มทุนจะเหลือหุ้นเพียง 15% ระบุหากการเจรจาสำเร็จถือไว้ไร้ประโยชน์ จับตาแผนกินรวบสายการบินต้นทุนต่ำของแอร์เอเชีย
หลังจาก“TheBangkokInsight” นำเสนอความสนใจของนายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย ก็ได้เดินทางเข้ามาเจรจาด้วยตัวเองเพื่อขอซื้อหุ้นของกลุ่ม“กลุ่มจุฬางกูร” ทั้งหมดในบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK การเจรจามีความคืบหน้าไปมากแล้ว และคาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นานของทั้งสองฝ่าย
AAV รับอยู่ระหว่างพิจารณาซื้อนกแอร์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายสันทัด สงวนดีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท แอร์เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ AAV ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่าตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้สอบถามมายังบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับข้อมูลซึ่งปรากฏในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการเข้าซื้อหุ้นนกแอร์ จากกลุ่มจุฬางกูรทั้งหมดนั้น
บริษัทขอเรียนว่าบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงความเหมาะสมในการลงทุนดังกล่าว แต่ยังมิได้มีข้อตกลงอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และยังไม่ได้กระทำการใดที่มีผลผูกพันบริษัทเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นนกแอร์แต่อย่างใด
บริษัทจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ทราบโดยทันทีหากมีความคืบหน้า หรือมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
นกแอร์มึนบอกไม่รู้เรื่องซื้อหุ้น
วันเดียวกันนายประเวช องอาจสิทธิกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ทำหนังสือแจ้งกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่นกันโดยระบุว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอความร่วมมือให้ชี้แจงข่าวเกี่ยวกับ บริษัท เอเชียเอวิเอชั่น จํากัด (มหาชน) จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท สายการบินนกแอร์ จํากัด (มหาชน) จากผู้ถือหุ้นรายใหญ่นั้น บริษัทขอชี้แจงว่าบริษัทไม่ได้รับข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการเข้าลงทุนดังกล่าวตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
แหล่งข่าวจากนกแอร์ กล่าวว่าจริงๆแล้วการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นใหญ่โดยเแพาะกลุ่มจุฬางกูรนั้น ไม่จำเป็นต้องเจรจากับผู้บริหาร หรือบริษัทนกแอร์ แต่เป็นการเจรจาระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ถือหุ้นที่จะขายออกเท่านั้น จะเห็นว่าการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ระหว่างสองบริษัทจะมีความแตกต่างกันในการชี้แจง
จากข้อมูลล่าสุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ โครงสร้างผู้ถือหุ้นของนกแอร์ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 พบว่ากลุ่มจุฬางกูรมีผู้ถือหุ้นนกแอร์ 3 คน ประกอบด้วย นายณัฐพล จุฬางกูร ถือหุ้นจำนวน 23.77% นายทวีฉัตร จุฬางกูร ถือหุ้นจำนวน 18.86% และนางหทัยรัตน์ จุฬางกูร ถือหุ้นจำนวน 12.50% รวมการถือหุ้น“กลุ่มจุฬางกูรทั้งหมด 55.13%”
ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้น โดยบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 21.80% ดร. ธรรม์ จิราธิวัฒน์ จำนวน 0.51% นายพาที สารสิน จำนวน 0.51%
นกแอร์ระทึกขาดทุนตลอด
ขณะที่ผลประกอบการของนกแอร์ในช่วงไตรมาส 3/2561 ที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ขาดทุนสุทธิ 1,105.97 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 683.53 ล้านบาท บริษัทมีรายได้รวม 2,863.67 ล้านบาท หรือลดลง 12.27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ราคาน้ำมันอากาศยานเครื่องบิน เฉลี่ยอยู่ที่ 88.90 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 63.56 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนเชื้อเพลิงอยู่ที่ 1,131.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 29.03% ส่งผลงวด 9 เดือน มีผลขาดทุน 1,962.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 1,628.79 ล้านบาท
บินไทยจ่อขายทิ้งหุ้นนกแอร์
สิ่งที่น่าจับตามองจากนี้ไปหากการซื้อขายครั้งนี้สำเร็จ แหล่งข่าวจากบริษัทการบินไทย กล่าวว่าเรื่องนี้คงจะต้องมีการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ เพราะมีการเสนอซื้อหุ้นเกิน 25% ในส่วนของการบินไทย หลังจากนกแอร์ประกาศที่จะเพิ่มทุนครั้งล่าสุด แต่การบินไทยก็ไม่ขอใช้สิทธิ์เพิ่มทุน ดังนั้นต่อไปการบินไทยน่าจะเหลือหุ้นที่ถืออยู่ในนกแอร์ประมาณ15%
ล่าสุดนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) ระบุชัดเจนว่าคณะกรรมการการบินไทยมีมติไม่เพิ่มทุนในนกแอร์ ด้วยเหตุผลที่ว่า แผนธุรกิจในอนาคตของนกแอร์ยังมีทิศทางที่ไม่ชัดเจน และไม่สอดคล้องกับการบินไทย รวมทั้งจุดยืนในการทำธุรกิจของนกแอร์ ยังไม่มีความชัดเจน อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงหากการบินไทยตัดสินใจนำเงินเข้าไปลงทุนในนกแอร์
“หากไม่เห็นโอกาสผลตอนแทนในอนาคตก็จะไม่ลงทุน แม้ว่าจะใช้เงินไม่มากราว 545 บาท ประกอบกับการบินไทยเองก็ต้องใช้เงินรอบคอบและระมัดระวัง”
ดังนั้นสัดส่วนหุ้นที่การบินไทยถือในนกแอร์ก่อนเพิ่มทุนอยู่ที่ 21.80% หากไม่ใช้สิทธิ์เพิ่มทุนครั้งนี้ การบินไทยจะเหลือถือหุ้นในนกแอร์ประมาณ 15%
“ฉะนั้นถ้ามีการซื้อขายหุ้นจริง ระหว่างนกแอร์กับแอร์เอเชีย ในส่วนของการบินไทยที่เหลือ 15% มีความเป็นไปได้สูงที่จะขายออกไปทั้งหมด หากได้ราคาดี การถือหุ้นไว้ในสัดส่วนน้อยไม่เป็นประโยชน์เลย ไม่สามารถทำอะไรได้ ข้อดีน่าจะช่วยลดภาระการขาดทุนให้การบินไทยได้ ” แหล่งข่าว กล่าว
ไร้คู่แข่งกินรวบตลาดล่าง
อย่างไรก็ดี ในส่วนของแอร์เอเชีย เมื่อซื้อนกแอร์ไปแล้วจะได้ประโยชน์จากเส้นทางการบินของนกแอร์ โดยเฉพาะเส้นทางย่อยๆที่นกแอร์ทำการบินอยู่ ขณะเดียวกันทั้งสองสายการบินก็ทำการบินที่เดียวกันคือสนามบินดอนเมือง
“ทุกวันนี้ทั้งนกแอร์และแอร์เอเชียก็ไม่ได้บินทับเส้นทางกัน แต่กลับทำให้แอร์เอเชียได้ประโยชน์ ที่สำคัญไม่ต้องกังวลเรื่องคู่แข่งใหม่ ที่จะเข้ามาแข่งขันในเส้นทางรอง น่าจะเป็นลักษณะโค้ดแชร์ส่งผู้โดยสารกับแอร์เอเชีย ทุกวันนี้แอร์เอเชียเสียเปรียบสายการบินไลออนแอร์ แต่เมื่อได้นกแอร์มาก็จะได้เปรียบตลาดล่างแน่นอน”
อย่างไรก็ดี การเข้าซื้อหุ้นของแอร์เอเชียจากนกแอร์ครั้งนี้ หากสำเร็จ และการบินไทยเองก็ตกลงที่จะขายหุ้นที่เหลืออยู่กว่า 15% ออกไปด้วย เท่ากับว่าแอร์เอเชียกินรวบในการถือหุ้นราวๆ 80% เป็นการกุมตลาดสายการบินต้นทุนต่ำไป ไม่ต่างอะไรกับการกลืนหุ้นการบินไทยในนกแอร์ไปโดยปริยาย
