ด้วยความที่ตลาดหุ้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน การลงทุนในช่วงที่ผ่านมาก็ดูเหมือนจะง่ายไปซะหมด แต่พอมาช่วงหลังๆเริ่มได้ยินเสียงบ่นกันถ้วนหน้าว่า ตลาดหุ้นเล่นยากขึ้น คนเริ่มขาดทุนกันมากขึ้น จึงเป็นคำถามที่คาใจนักลงทุนเหลือเกินว่า !!! อ่าวเฮ้ยยย…SET Index New High – แต่ทำไมพอร์ตเรา New Low ? และในวันนี้เราจะมาหาสาเหตุกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
ถ้าย้อนไปช่วงต้นปี 2016 – ปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ทั้ง 9 กลุ่มในตลาดหุ้นบ้านเรา ล้วนแล้วแต่ขยับปรับตัวสูงขึ้นกันอย่างแข็งขัน มี 2 กลุ่มที่วิ่งแรงแซงทางโค้ง เข้าเส้นชัยแบบไม่รอใครคือกลุ่ม INDUS และ RESOURC ซึ่งบวกไป 84% และ 80% ตามลำดับ นอกนั้นก็สามัคคีคลอเคลียกันเข้าวินไปเบาๆ จะมีก็แต่ CONSUMP และ mai ที่เดินหน้าเหี่ยวเลี้ยวแหกโค้งติดลบแบบไม่อายใคร ทำให้ในช่วงนั้นนักลงทุนหยิบจับอะไรก็ดูเป็นเงินเป็นทองไปหมด นั่นก็เพราะตลาดโดยรวมมันเอื้ออำนวยต่อการเข้ามาเก็งกำไรนั่นเอง ดูได้จากภาพรวมตลาด คือ SET Index ที่เป็นผลรวมของทุกกลุ่มอุตสาหกรรม บวกขึ้นมา 39 % เลยทีเดียว
ทีนี้ลองขยับช่วงเวลาเข้ามาใกล้อีกหน่อย จากปัจจุบันมองย้อนกลับไปแค่ 1 ปี (เมษายน 2017-เมษายน 2018) กลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 9 จะมีพฤติกรรม และทิศทางเป็นยังไงกันบ้าง
จากภาพนี้จะเห็นได้ว่า ทิศทางของแต่ละกลุ่มเริ่มกระจัดกระจาย ขึ้นบ้าง ลงบ้าง ไม่ไปไหนก็เยอะ มีเพียง 3 กลุ่มที่โดดเด่นกว่าใครเพื่อน คือ RESOURC , SERVICE , INDUS เกาะกลุ่มบวกไปในช่วง 25-30% และเนื่องจาก ตลาดหุ้นบ้านเรามีการคำนวณดัชนีแบบ Market Capitalization Weighted คือหุ้นที่มี Market Cap.สูง จะมีผลกระทบต่อดัชนีรวมมาก ขอเพียงหุ้นใหญ่ๆปรับตัวขึ้นเพียงบางตัว ก็ส่งผลต่อกลุ่มอุตสาหกรรมและ SET Index แล้ว ทำให้หลายคนเกิดความเข้าใจว่า ตลาดขาขึ้น พอร์ตเราก็น่าจะกำไร เหมือนที่เคยเป็นมาเมื่อหลายปีก่อน แต่พอมองดูดีๆจะเห็นได้ชัดเจนว่าเกินครึ่งนั้นติดลบ ที่หนักหนาสาหัสกว่าใคร คือกลุ่ม mai ซึ่งเคยเป็นพระเอกเมื่อหลายปีก่อน มาตอนนี้ติดลบไปกว่า 18% ภายใน 1 ปี และความเป็นจริงอันโหดร้ายกว่านั้นก็คือ ถ้าซูมเข้าไปดูในหุ้นรายตัว นับจากราคาสูงสุดภายในปีของหุ้นตัวนั้นๆ ล้วนแล้วแต่ติดลบ 30-50% กันโดยส่วนใหญ่ เห็นทีว่าต่อจากนี้อะไรมันก็คงไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้ว เพราะถ้าขาดกระแสลมพัดพา ก็คงจะมีแค่เรือบางลำหรือหุ้นบางตัวเท่านั้น ที่จะฝ่าฟันผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความผันผวนนี้ไปได้ ดังคำกล่าวของคุณ ชาญชัย จารุวัสต์ ที่ว่า “ในยามที่ลมพัดไปแรง แม้แต่ไก่งวงก็ยังบินได้ แต่เมื่อลมพัดหวน คนที่จะอยู่รอดได้ก็คือพญาอินทรีย์เท่านั้น”
เรานักลงทุนก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น มีการคัดกรองสิ่งที่เราจะลงทุนให้รอบคอบกว่าที่เคยเป็นมา แล้วเราจะอยู่รอดปลอดภัย สบายใจในการลงทุนครับ
