วานนี้ (15 ก.พ.)พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดปราศรัยใหญ่ พร้อมแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนในพื้นที่มาฟังการปราศรัยครั้งนี้กว่า 2 หมื่นคน มีแกนนำคนสำคัญของพรรคสลับสับเปลี่ยนขึ้นเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่อง ทั้ง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายอิทธิพล คุณปลื้ม กรรมการบริหารพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค และนายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง
เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่ปราศรัย นายสนธิรัตน์ ได้เดินทักทายพี่น้องประชาชนจากด้านหลังถึงด้านหน้า มีประชาชนโบกธงพรรคพลังประชารัฐ และตะโกนส่งเสียงให้กำลังใจ ขณะที่บางส่วนมอบดอกดาวเรืองและดอกกุหลาบให้กำลังใจ จากนั้นนายสนธิรัตน์ ได้เข้ากราบและสวมกอด นางนิภา รุ่งโรจน์สนิท มารดาที่เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
นายอนุชา ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคพลังประชารัฐจะต่อยอดนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชารัฐ ที่เพิ่มคน เพิ่มสิทธิ เพิ่มโอกาส นโยบายด้านการเกษตร ข้าวได้ราคา ชาวนาได้เงินเพิ่ม ค่าปลูก เก็บเกี่ยว 2,000 บาทต่อไร่ จำนวน 20 ไร่ เป็นต้น ดังนั้นขอให้คนกาญจนบุรี เลือกพรรคพลังประชารัฐเป็น ส.ส.ทั้ง 5 เขต
ด้านนายกอบศักดิ์ ระบุว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ มี พล.อ.ประยุทธ์ บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค ซึ่งโพลยกให้เป็นเบอร์ 1 มีผู้สมัครที่คัดเลือกมาอย่างดีถึง 5 เขตใน จังหวัดกาญจนบุรี เข้าถึงพึ่งได้ ดังนั้น หากประชาชนมีปัญหาสามารถไปหาได้ทุกคน
ที่สำคัญนโยบายของพลังประชารัฐไม่แพ้ใครและดีกว่าทุกคน เพราะเป็นนโยบายที่ได้กลั่นกรองจากประชาชน พรรคนี้ไม่มีเจ้าของ ไม่มีคนคิดให้แล้วไปทำตาม
ขณะที่ นายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้เป็นวันที่ภูมิใจ ที่อาสามาทำงานให้บ้านเมือง ขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกที่ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง ตนภูมิใจที่เกิดเป็นคนกาญจนบุรี เพราะเป็นเมืองที่ปกป้องราชธานีมาแต่โบราณ
“วันนี้ผมมาปราศรัย คุณแม่ซึ่งอายุ 89 ปี ขอมาฟังปราศรัยด้วย จึงขอให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจ ผมภูมิใจที่เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทำงานต่อสู้จนวันหนึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คิดโครงการเรื่องบัตรธงฟ้า ร้านธงฟ้า และชะลอขายข้าวจนราคาข้าวหอมมะลิพุ่งไป 17,000 บาท ดังนั้น หากพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลจะเพิ่มราคาข้าวให้สูงกว่า 10,000 บาท”
นายสนธิรัตน์บอกด้วยว่า 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่เคยสงบอย่างแท้จริง มีคนอ้างประชาธิปไตย แล้วแบ่งแยกประชาชนให้คนตีกัน โดยอ้างประชาธิปไตยแต่ทำเพื่อใครบางคน เพื่อคนไม่กี่คน ความขัดแย้งยังไม่ได้หายไปไหน
เมื่อความขัดแย้งยังมีอยู่ แต่มีพรรคการเมืองให้เลือกเหมือนเดิม ผลการเลือกตั้งก็เหมือนเดิม ประเทศก็กลับไปสู่ที่เดิม การเดินหน้าประเทศไม่มี พรรคพลังประชารัฐจึงอาสาเข้ามาเพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรคมีจุดยืนให้ประเทศเดินต่อ ไม่ยอมให้ประเทศกลับไปสู่จุดเดิม
ภาพ: เฟซบุ๊กเพจ พรรคพลังประชารัฐ