ทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ตามแนวพรมแดนทางใต้ระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก เพื่อเดินหน้าสร้างกำแพงโดยจะดึงงบประมาณบางส่วนจากกระทรวงกลาโหม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ยืนยันวานนี้ (15 ก.พ.)ว่า จะใช้อำนาจประธานาธิบดี ประกาศภาวะฉุกเฉิน สร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ซึ่งเต็มไปด้วยผู้อพยพผิดกฎหมาย และความพยายามลักลอบข้ามพรมแดนของผู้ค้ายาเสพติดและขบวนการค้ามนุษย์ ตลอดจนอาชญากรรมอีกมากมาย ถือเป็นภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ
“เรากำลังจะเผชิญหน้ากับวิกฤติความมั่นคงแห่งชาติ บริเวณชายแดนทางตอนใต้ เราเจอกับการรุกรานของยาเสพติด กลุ่มอาชญากรรม การรุกรานของผู้คน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ทุกคนรู้ดีว่า กำแพงเป็นเรื่องที่ได้ผล”
นักวิเคราะห์คาดว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้ จะทำให้ทรัมป์ มีงบประมาณพิเศษราว 8,000 ล้านดอลลาร์ ที่สามารถนำไปใช้สำหรับสร้างกำแพงได้
การสร้างกำแพงดังกล่าว เป็นหนึ่งในคำมั่นหลักที่ทรัมป์เคยประกาศไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ฝ่ายเดโมแครตวิจารณ์การเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่า เป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิด พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พรมแดนเม็กซิโก ยังไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินแห่งชาติดังที่ผู้นำสหรัฐกล่าวอ้าง และเตรียมที่จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อในพิจารณาตัดสินกรณีนี้
หลังจากประกาศเรื่องดังกล่าวแล้ว ทรัมป์ยังได้ลงนามรับรองแผนงบประมาณที่สภาคองเกรสมีมติเห็นชอบมูลค่า 333,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมระยะเวลาถึงช่วงเดือนกันยายนนี้ ช่วยให้ไม่เกิดภาวะชัตดาวน์ครั้งใหม่