Economics

ธปท.จับตาเงินบาทใกล้ชิด ยันไม่พบความผิดปกติ

“ธปท.” ติดตามดูแลค่าเงินบาทใกล้ชิด ยันไม่พบการเคลื่อนไหวผิดปกติ แจงเงินบาทแข็งค่าเร็วจากปัจจัยภายนอก

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ธปท.ได้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดและไม่พบความผิดปกติในการเคลื่อนไหว ซึ่งยอมรับว่าเงินบาทแข็งค่าเร็วบางช่วง โดยพบว่าเงินทุนที่ไหลเข้าไทยเป็นเงินที่มาจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดยเฉพาะจากการค้าและบริการที่มาจากนักท่องเที่ยวจีนที่กลับมาเที่ยวไทยตั้งแต่ปลายไตรมาส 4 ปี 2561 ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 37,000 ล้านดอลลาร์ เฉพาะเดือนธันวาคม 2561 เกินดุล 5,000 ล้านดอลลาร์

saraly brand
ภาพจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย

นอกจากนี้ ผู้ว่าการ ธปท.ยังยืนยันว่าหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วมากจากการเก็งกำไร หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ทำให้ประเทศไทยเป็นแหล่งพักเงินของนักลงทุน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงปัจจุบันนักลงทุนขายสุทธิในตลาดพันธบัตรมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเป็นพันธบัตรระยะสั้น ขณะที่มีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นซื้อสุทธิ 100 ล้านดอลลาร์รวมปริมาณเงินทุนไหลออกสุทธิ 300 ล้านดอลลาร์

ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1.75% ต่ำกว่าสหรัฐที่ 2.50% และยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย 6% ฟิลิปปินส์ 6% เวียดนาม 6.25% มาเลเซีย 3.25%

ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่สามารถกำหนดค่าเงินบาทให้คงที่ได้ เพราะปัจจัยต่างประเทศมีผลกระทบต่อค่าเงินบาทมากและมีแนวโน้มผันผวนจากสถานการณ์การเมืองในสหรัฐ เศรษฐกิจโลก และการเมืองระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถรองรับความผันผวนได้มากขึ้น เพราะหากเทียบกับประเทศอื่นสามารถรองรับความผันผวนได้มากกว่าไทยและเห็นว่าในช่วงที่เงินบาทแข็งค่า ไทยควรเร่งเรื่องของการลงทุน นำเข้าสินค้าทุนเพิ่มขึ้น เพื่อลดภาวะการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดและลดต้นทุนการนำเข้าสินค้าทุนได้ นอกจากนี้ ต้องปรับคุณภาพสินค้า ตราสินค้า เพื่อให้สินค้าไทยแข่งขันกับคู่แข่งได้ ไม่ใช่เน้นเรื่องราคา เพราะจะไม่ยั่งยืน

Avatar photo