กฟผ. ลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ 83,000 ตัน กับผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 22 ราย ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของกรมการค้าภายใน กรมการค้าภายในคาดสัปดาห์หน้าราคาผลปาล์มน้ำมันแตะ 3.5 บาทต่อกิโลกรัม
วันนี้ (14 ก.พ.) ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กับผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 22 ราย ปริมาณรวม 83,000 ตัน เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าบางปะกง หน่วยที่ 3 ตามมาตรการพยุงราคาผลปาล์มในประเทศของรัฐบาล
โดยมีนางจินตนา ชัยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน นายยงยุทธ จันทรโรทัย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการ กฟผ. นายธวัชชัย จักรไพศาล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง และผู้บริหาร กฟผ. เข้าร่วม ที่สำนักงานใหญ่ กฟผ. อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ดร.ศิริ กล่าวว่า โครงการนี้กฟผ.กำหนดรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจำนวน 160,000 ตัน ในราคากิโลกรัมละ 18 บาท มาใช้ในเป็นเชื้อเพลิงที่โรงไฟฟ้าบางปะกง หน่วยที่ 3 ซึ่งโครงการมีความก้าวหน้ามาตามลำดับจนเป็นรูปธรรม จากความร่วมมือระหว่างกฟผ.และกระทรวงพาณิชย์
ทางด้านนายวิบูลย์ กล่าวว่า การลงนามสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. วันนี้มีผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบทั้งสิ้น 22 ราย ปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 76,000 ตัน และเมื่อรวมกับปริมาณที่รับซื้อเพื่อทดสอบการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า จำนวน 7,000 ตัน จะเป็นปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่มีการลงนามสัญญาแล้วทั้งสิ้น 83,000 ตัน ซึ่งผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบทั้ง 22 ราย เป็นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจากกรมการค้าภายในว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการบริหาร และกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศกำหนด
หมายถึงต้องมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 50 % ของปริมาณที่เสนอจำหน่าย และเป็นผู้มีความสามารถในการขนส่ง เก็บรักษา และส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้กับ กฟผ. โดยผู้ที่มีสิทธิ์เสนอจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบได้เสนอราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร ตั้งแต่กิโลกรัมละ 3.10 – 3.25 บาท ซึ่งสามารถช่วยพยุงราคาผลปาล์มน้ำมันให้สูงกว่า 3 บาทต่อกิโลกรัม ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้ขยายเวลารับสมัครผู้ประสงค์จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้ กฟผ. ไปจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2562 พร้อมปรับปรุงเงื่อนไขให้เป็นผู้มีที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบไม่น้อยกว่า 25 ของปริมาณที่เสนอจำหน่าย เพื่อให้ได้น้ำมันปาล์มดิบครบตามเป้าหมาย 160,000 ตัน ซึ่งการนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า จะไม่กระทบกับค่าไฟฟ้าของประชาชนแต่อย่างใด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะไม่นำไปคิดรวมกับค่าเอฟที
นายวิชัย กล่าวว่าโครงการนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ราคาผลปาล์มปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จาก 2.40 บาทต่อกก.มาอยู่ที่ 3.20 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าสัปดาห์หน้าจะปรับขึ้นเป็น 3.50 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ ขณะเดียวกันน้ำมันปาล์มดิบก็ปรับขึ้นเช่นกัน จาก 14 บาทเป็น 17-18 บาทต่อกิโลกรัมในปัจจุบัน โดยปัจจุบันซีพีโอในประเทศประมาณ 2.5 ล้านตัน ใช้เพื่อบริโภค 1 ล้านตันเศษ และใช้พลังงานในสัดส่วนใกล้เคียงกัน บวกกับการส่งเสริมการใช้บี 20 ซึ่งจะช่วยดูดซับไปได้อีก 6 แสนตัน สต็อกในประเทศก็จะถูกใช้ทั้งหมด ช่วยพยุงราคาผลผลิตไม่ให้ตกต่ำ
ดร.ศิริ กล่าวถึงความก้าวหน้าในการส่งเสริมการใช้น้ำมันบี 20 ว่าขณะนี้มีค่ายน้ำมันพร้อมจำหน่ายบี 20 ในปั๊มอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากปตท.และบางจากแล้ว ล่าสุด เชลล์ กำลังจะจำหน่ายบี 20 เช่นกัน
