Politics

‘วอยซ์ทีวี’ ยื่นอุทธรณ์-ขอคุ้มครองชั่วคราวคำสั่งจอดำ 15 วัน

“วอยซ์ทีวี” ยื่นอุทธรณ์ – ขอคุ้มครองชั่วคราว หลัง “กสทช.” สั่งจอดำ 15 วัน ชี้สร้างผลเสียหายทางธุรกิจกว่า 76 ล้านบาท

ที่สำนักงานศาลปกครอง นายประทีป คงสิบ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายข่าวและเนื้อหารายการ สถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี เข้ายื่นคำฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.), สำนักงาน กสทช. ต่อศาลปกครองกลาง กรณี กสทช.มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตสถานีวอยซ์ทีวี 15 วัน ด้วยเหตุผลว่า มีการนำเสนอรายงานข่าวหลายรายการมีลักษณะส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งนั้น โดยสถานีวอยซ์ทีวีได้มีการยื่นคำขอต่อศาลปกครองกลางเพื่อขออุทธรณ์คำสั่ง กสทช.ดังกล่าว และขอให้ศาลปกครองกลางไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้จอดำ เพื่อให้สถานีกลับไปดำเนินรายการได้ตามปกติ

วอยซ์ทีวี142
ขอบคุณภาพจาก voicetv.co.th

ทั้งนี้ เหตุผลที่จะมายื่นคำร้องในวันนี้ มี 3 ประเด็นหลัก คือ 1. การสั่งปิดสถานีวอยซ์ทีวี กระทบกับความเสียหายทางธุรกิจของบริษัทอย่างรุนแรง ซึ่งตัวเลขความเสียหายเท่าที่ประเมินไว้ประมาณ 76 ล้านบาท โดยเป็นการประเมินจากโอกาสเรื่องโฆษณาในช่องทางต่างๆ ของทางสถานี เป็นระยะเวลา 15 วัน ที่ถูกสั่งปิด แต่การเรียกร้องค่าเสียหายตรงนี้คงจะเป็นขั้นตอนต่อไป ถ้าหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว วอยซ์ทีวีก็จะทำการยื่นเรียกร้องค่าเสียหายสู้ตามขั้นตอนกฎหมายปกติ

2. เราจำเป็นต้องขอความคุ้มครองชั่วคราว เพราะในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังมีการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งนั้น ประชาชนมีสิทธิ์ในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่หลากหลาย ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับความคุ้มครอง ดังนั้นการสั่งปิดสถานีโทรทัศน์ในสถานการณ์แบบนี้จะสร้างผลกระทบต่อการรับรู้ข่าวสารของประชาชนอย่างรุนแรง เราจึงจำเป็นต้องขอความคุ้มครองชั่วคราว เพราะยิ่งในช่วงนี้ที่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งแล้วทางกสทช.ควรที่จะต้องผ่อนคลายกฎที่ใช้กำกับดูแลและควบคุมสื่อ และควรจะมีบทบาทสนับสนุนเสรีภาพของสื่อด้วยซ้ำ

วอยซ์ทีวี

3. เราจำเป็นต้องยื่นอุทธรณ์ เพราะในเนื้อหาประเด็น ที่ กสทช.เอามาเป็นบทลงโทษนั้น ทางสถานีมั่นใจว่าไม่ได้ทำผิด ตามประกาศคสช.ฉบับที่ 97 หรือว่า พ.ร.บ.ประกาศวิทยุ กระจายเสียงมาตรา 37

“ขอเรียกร้องต่อ กสทช. และ หัวหน้าคสช.ให้ช่วยกันผลักดันยกเลิกประกาศคำสั่งคสช.ฉบับที่ 97 และ 103 โดยเฉพาะหัวหน้าคสช. ซึ่งชัดเจนแล้วว่าจะมาลงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อลงมาเล่นการเมืองชัดเจนเช่นนี้ ในขณะที่ยังเป็นหัวหน้าคสช.และมีประกาศควบคุมสื่ออยู่ จะทำให้การเสนอข่าวสารไม่มีเสรีภาพเพียงพอ ซึ่งการบอกว่าอยากจะให้การเลือกตั้งนำไปสู่เสรีภาพและเป็นธรรม ก็จะเป็นไปได้ยากที่จะเกิดขึ้น” นายประทีปกล่าว

 

ขอบคุณภาพจาก voicetv.co.th

Avatar photo