ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เลกแรก เมื่อคืนวันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เร่งเครื่องครึ่งหลังกระซวก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมจ่าฝูง บุนเดสลีกา เยอรมัน แบบหมดสภาพ ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด ได้ VAR ช่วยเซฟไม่โดนนำก่อน สุดท้ายบุกเชือด อาแจ็กซ์ และนี่คือเกร็ดน่าสนใจจากเกมทั้ง 2 สนาม
สเปอร์ส 3-0 ดอร์ทมุนด์
– ซน ฮึง-มิน กองหน้า สเปอร์ส เพิ่งเป็นผู้เล่นรายที่ 3 ที่ยิง ดอร์ทมุนด์ ได้ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ต่อจาก อ็องตวน กรีซมันน์ และ ซาอูล ญีเกซ สองแข้ง แอตเลติโก มาดริด
– ประตูที่ทำได้ในเกมนี้ถือเป็นประตูที่ 9 ของ ซน ที่ยิงใส่ ดอร์ทมุนด์ ทำให้ “เสือเหลือง” กลายเป็นทีมที่ ซน ยิงใส่เยอะที่สุดในอาชีพการเล่นฟุตบอล (นับรวมสมัยค้าแข้งกับ ฮัมบูร์ก เอสเฟา และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น)
– แยน แฟร์ต็องเก้น ทำแอสซิสต์ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ สเปอร์ส ได้เป็นหนที่ 2 ซึ่งทั้ง 2 หนเป็นการเจอกับ ดอร์ทมุนด์ ที่ เวมบลีย์ สเตเดี้ยม
– นี่คือครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2013 (เจอ สวอนซี ซิตี้) ที่ แฟร์ต็องเก้น ทั้งยิงและแอสซิสต์ได้ในเกมเดียวกับการเล่นให้ สเปอร์ส
– นี่คือการปราชัยที่ยับเยินสุดร่วมของ ดอร์ทมุนด์ ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก (แพ้ 0-3 เป็นครั้งที่ 5)
– ดอร์ทมุนด์ เสีย 3 ประตูในเกมนี้ เท่ากับที่เสียจาก 6 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม
– นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ของ ดอร์ทมุนด์ ที่เสีย 3 ประตูในครึ่งหลัง
อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 1-2 เรอัล มาดริด
– เซร์คิโอ รามอส ถือเป็นนักเตะ เรอัล มาดริด คนที่ 7 ในประวัติศาสตร์สโมสร ที่ลงเล่นแตะหลัก 600 นัด ต่อจาก ราอูล กอนซาเลซ (741), อีเกร์ กาซียาส (725), มานูเอล ซานชีส (710), ซานตียาน่า (645), เฟร์นานโด เอียร์โร่ (601) และ ฟรานซิสโก้ เกนโต้ (601)
– คาริม เบนเซม่า หัวหอก เรอัล มาดริด ทำประตูที่ 60 ให้กับตัวเองในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก และนี่คือการลงเล่นนัดที่ 450 ให้กับต้นสังกัด
– เบนเซม่า ถือเป็นผู้เล่นคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก (ไม่นับสมัยเป็น ยูโรเปี้ยน คัพ) ที่ยิงได้อย่างน้อย 60 ประตู ต่อจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (121), ลิโอเนล เมสซี่ (106) และ ราอูล กอนซาเลซ (71)
– เบนเซม่า ยังมีส่วนร่วมกับประตูทั้ง 6 เกมที่เจอกับ อาแจ็กซ์ โดยยิงเอง 4 และ แอสซิสต์ 4
– หลังจากที่ มาร์โก อาเซนซิโอ ทำประตูช่วย เรอัล มาดริด คว้าชัย 2-1 เท่ากับว่าตอนนี้เจ้าตัวทำประตูในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ครบทุกรอบเรียบร้อย ไล่ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม, รอบ 16 ทีม, รอบก่อนรองฯ, รอบรองฯ และรอบชิงชนะเลิศ
– เรอัล มาดริด กลายเป็นทีมแรกในฤดูกาลนี้ ที่สามารถบุกโค่น อาแจ็กซ์ ถึงบ้านในเกมอย่างเป็นทางการ
– 7 ครั้งหลังสุดที่เจอกันในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็น เรอัล มาดริด ที่คว้าชัยเรียบ
– มัทไธจ์ส เดอ ลิกท์ ปราการหลังดาวรุ่งวัย 19 ปี ของ อาแจ็กซ์ ถือเป็นนักเตะวัยทีนรายที่ 2 ที่ได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงเล่นเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อจาก รูเบน เนเวส (เคยเป็นกัปตันทีม ปอร์โต้ ในวัย 18 ปี) แต่นับเป็นแข้งวัยทีนรายแรกที่ได้เป็นกัปตันทีมในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์