ภายในโชว์รูมที่ทันสมัย และมีพื้นที่กว้างขวางแห่งหนึ่งที่เมืองเสิ่นเจิ้น มีผู้คนนับสิบคนพากันเข้ามาดูสินค้ารูปร่างสวยงามเป็นเงาวับ ของผู้ผลิตโดรนรายใหญ่สุดของโลก
โชว์รูมแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในนิคมเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์ซอฟต์แวร์เว่ยซิน มีหน้าตาที่แตกต่างจากตึกสูงสีเทาที่อยู่รายล้อม อันเป็นสถาปัตยกรรมที่ตกทอดมาจากการสร้างนิคมวิทยาศาสตร์ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ของจีนอย่างสิ้นเชิง
แต่ทุกอย่างที่เห็นอยู่กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะ “เอสแซด ดีเจไอ เทคโนโลยี”เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายตามประเทศต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก กำลังจะปรับปรุงสำนักงานใหญ่ของตัวเองใหม่ ให้มีความทันสมัยแบบเดียวกับ แอปเปิล พาร์ก สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของแอปเปิล บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐ ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย
เอสแซด ดีเจไอ เทคโนโลยี เป็นสตาร์ทอัพที่ได้รับสมญานามว่าแอปเปิลแห่งอุตสาหกรรมโดรน
“แฟรงค์” หวัง เต๋า เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเมื่อปี 2549 จากห้องเล็กๆ ในหอพักของมหาวิทยาลัย จนเติบโตขึ้นมากลายมาเป็นอาณาจักรธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีพนักงาน 14,000 คน และสำนักงานในต่างประเทศ 17 แห่ง ครองส่วนแบ่งตลาดโดรนเชิงพาณิชย์ และตลาดโดรนเพื่อผู้บริโภคของโลกถึง 70% มียอดขายเมื่อปี 2560 ถึง 18,000 ล้านหยวน พุ่งขึ้นจากปีก่อนหน้านั้นถึง 80%
นาตาชา เกรย์ โฆษกดีเจไอ บอกว่า แฟรงค์ เป็นคนที่หลงใหลเฮลิคอปเตอร์มาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเป็นคนที่รักสันโดษมาก และชอบที่จะให้คนสนใจในสินค้าของเชามากกว่า
หวัง เป็นชาวเมืองหังโจวโดยกำเนิด บ้านเกิดของเขาเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง บริษัทอีคอมเมิร์ซรายใหญ่สุดของจีน เขาปรากฎตัวในที่สาธารณะน้อยมาก และไม่ชอบเป็นข่าว
ระหว่างขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ที่มหาวิทยาลัยเสิ่นเจิ้น เมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นเรื่องที่น้อยครั้งจะเกิดขึ้นนั้น หวังเล่าว่า เขาโชคดีมากที่ตอนเด็กๆ ได้อ่านการ์ตูน ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเฮลิคอปเตอร์ และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็หมกมุ่นอยู่กับการสำรวจท้องฟ้า
“พ่อกับแม่เคยให้เฮลิคอปเตอร์บังคับวิทยุกับผม เป็นรางวัลที่ทำคะแนนได้ดีในการสอบที่โรงเรียน แต่ผมผิดหวังอย่างมาก ตอนที่มันตกลงมา เพราะมีศูนย์ถ่วงที่ไม่ค่อยดีนัก ระหว่างการบิน จากนั้นผมก็ค่อยๆ เกิดความคิดดีๆ ขึ้นมา คิดว่าเครื่องบินที่สมบูรณ์แบบจะเป็นอย่างไร และตัดสินใจที่จะสร้างขึ้นมาลำหนึ่ง”
หวังเรียนจบมาด้วยคะแนนที่ไม่สูงมาก ซึ่งเขาบอกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาใช้เวลาอ่านหนังสือเกี่ยวกับเครื่องบิน ที่เขาหลงใหลมากเกินไป เขาพลาดการเข้าเรียนต่อยังสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งฮ่องกงแทน ในสาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์
ในปี 2548 หวังพัฒนาระบบควบคุมการบินเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมาเป็นงานวิทยานิพนธ์เพื่อจบการศึกษา แต่ต้องเจอกับความล้มเหลวในคืนก่อนที่จะนำเสนองาน
อย่างไรก็ดี ในที่สุดความพยายามของเขาก็ได้รับผลสำเร็จกลับคืนมา เขาสร้างระบบควบคุมการบินขึ้นมาได้ ในห้องพักของเขาเอง ก่อนที่เขาจะย้ายไปยังเสิ่นเจิ้น กับเพื่อนร่วมชั้นเรียนอีก 2 คน ตั้งดีเจไอขึ้นมา โดยได้รับการสนับสนุนจาก ลี เซ่อเซียง อาจารย์ที่มหาวิทยาลัย
“ในช่วงแรกๆ นั้น เรามีคู่แข่งอยู่บ้าง แต่ก็เป็นแค่รายเล็กๆ เราต้องตัดสินใจอย่างถูกต้องในหลายๆ เรื่อง เพื่อที่จะยืนอยู่ในอุตสาหกรรมให้ได้ ผมคิดว่า ความสำเร็จของดีเจไอ ทำให้อุตสาหกรรมโดรนได้รับความสนใจจากนักลงทุน และผู้ใช้งาน”
ขณะที่เกา จงเซียง ผู้อำนวยการบริหารด้านการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ของสถาบันพัฒนาจีน กลุ่มคลังสมองในเมืองเสิ่นเจิ้น บอกว่า จนถึงขณะนึ้ ยังมองไม่เห็นว่าจะมีใครมาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งของดีเจไอได้
“บริษัทนี้น่าจะครองตลาดอุตสาหกรรมโดรนได้ต่อไปอีกหลายปี” เกา ระบุ
ขณะที่หวังมองว่า ความสำเร็จของเขา ส่วนหนึ่งมาจากการที่ฉลาดกว่าคนอื่น และรักษาระยะห่างจากสินค้าที่ผลิตออกมาเป็นปริมาณมากในตลาดได้
“ถ้าหากคุณสามารถสร้างระยะห่างได้ คุณก็จะประสบความสำเร็จ”
ปัจจุบัน ดีเจไอกำลังมองหาลู่ทางที่จะเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจ หลังจากที่ประสบความสำเร็จครองส่วนแบ่งในตลาดโดรนสำหรับผู้บริโภครายย่อยโลกได้ถึง 1 ใน 3 แล้ว
บิล เฉิน ผู้จัดการพันธมิตรกิจการของดีเจไอ กล่าวว่า บริษัทประสบความสำเร็จในฝั่งผู้บริโภคแล้ว และตอนนี้กำลังยกระดับความเชี่ยวชาญเข้าไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั่วโลก โดยให้ความสนใจเกี่ยวกับการใช้โดรนในภาคเกษตรเป็นพิเศษ
ที่มา: South China Morning Post