Economics

คาดส่งออกไทยปีนี้ขยายตัว 4.4% ต่ำสุดรอบ 3 ปี!!

“ม.หอการค้าไทย” คาดมูลค่าการส่งออกไทยปีนี้อยู่ที่ 2.63 แสนล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.4% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์ทิศทางการส่งออกของไทยปี 2562 ภายใต้ความผันผวนเศรษฐกิจโลกของศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า การส่งออกของไทยยังคงเผชิญปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก โดยเฉพาะปัญหาสงครามทางการค้าที่ยื้ดเยื้อจนส่งผลกระทบต่อทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งธนาคารโลกคาดการณ์จะขยายตัว 2.5% จากปี 2561 ที่เศรษฐกิจโลกขยายตัว 2.9% รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐและจีน รวมถึงยุโรปที่จะชะลอตัวลงตาม รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยนของไทยที่แข็งค่ามากกว่าภูมิภาค ราคาน้ำมัน และสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง รวมถึงการที่สหรัฐ ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือจีเอสพีของไทย 11 รายการ และแม้สหรัฐยืดระยะเวลาขึ้นภาษีจากจีน เป็น 25% ออกไปอีก 90 วัน ซึ่งจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการค้าโลกให้ผ่อนคลายลง และไทยยังคงมีปัจจัยบวกสำคัญจากการที่สหภาพยุโรป (อียู) ปลดใบเหลืองประมงไทย

อัทธ์ พิศาลวานิช
ภาพจากเฟซบุ๊ค มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย UTCC

อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 2562 ไทยจะมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 263,000 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.4% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 3 ปี และหากเทียบในอาเซียนการส่งออกไทยมีอัตราการขยายตัวลดลงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน โดยเวียดนามส่งออกลดลงมากที่สุด รองลงมาเป็นสิงคโปร์ และหากดูเป็นรายตลาด การส่งออกของไทยในตลาดสำคัญทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่น อียู จีน และอาเซียน ถือว่ามีสัดส่วนการส่งออกถึง 70% ของการส่งออกทั้งหมด คาดว่าจะลดลงทุกตลาด ส่วนตลาดอื่น ๆ เช่น อินเดีย แคนาดา ตะวันออกกลาง แอฟริกา และรัสเซีย นับเป็นตลาดใหม่ที่ไทยควรหันมาทำยุทธศาสตร์เชิงรุก เพราะยังมีสัดส่วนการส่งออกของแต่ละตลาดต่ำกว่าศักยภาพที่ไทยจะส่งออกไปได้ นอกจากนี้ ยังต้องติดตามความไม่แน่นอนของสถานการณ์การถอนตัวออกจากสมาชิกอียูหรือ BREXIT และข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ อียู-เวียดนามที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ไทยส่งออกไปอียูลดลง รวมทั้งค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าขึ้น แม้เดือนกุมภาพันธ์เงินบาทจะอ่อนค่าลงมา แต่ยังถือว่าแข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอินโดนีเซีย หลังจากเดือนมกราคมที่ผ่านมาแข็งค่าขึ้น 33.4% แข็งค่าที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก

ทั้งนี้ คงต้องติดตามประเด็นการเจรจาระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐเลื่อนการขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% ที่จะสิ้นสุด 1 มีนาคม 2562 หากผลการเจรจาสำเร็จทั้ง 2 ประเทศ ไม่มีการขึ้นภาษีระหว่างกันอีก การส่งออกของไทยจะกระทบเพียงเล็กน้อย 0.5% หรือประมาณ 1,181 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หากผลการเจรจาล้มเหลวมีการขึ้นภาษีตามแผนเดิมการส่งออกของไทยจะกระทบ 1% หรือประมาณ 2,367 ล้านดอลลาร์ และกรณีเลวร้ายสุด คือ การเจรจาล้มเหลว มีการทำตามแผนเดิมและขึ้นภาษีเพิ่มเติมอีก การส่งออกไทยจะหดตัวลง 1.9% หรือประมาณ 4,427 ล้านดอลลาร์ เป็นต้น

Avatar photo