COLUMNISTS

ส้มหล่นทับ! BEAUTY

Avatar photo
EcoIndy คิดต่างสร้างสรรค์
265

ECO indy

 

เป็นข่าวครึกโครม…หลังตำรวจบุกตรวจและเข้าจับกุมเครือข่าย “บริษัท เมจิก สกิน จำกัด” ธุรกิจผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม ซึ่งพบว่าผลิตครีมที่ไม่ได้มาตรฐานและผิดกฎหมาย

ถือเป็นบทเรียนสำคัญของสังคมไทยที่มองได้ในหลายแง่มุม

ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นของอย.ในการรับรองผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

ความไม่รอบคอบของบรรดาเซเลป ในแวดวงบันเทิง ที่ทำให้ผู้บริโภคคนไทยตกเป็นเหยื่อด้านการตลาด จากการรีวิวสินค้า โดยไม่รู้เรื่องรู้ราว

ในส่วนของผู้บริโภคเองที่ไม่ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง หรืออาหารเสริม

เพราะค่านิยมที่ผิดๆ กับการเสพติด “ความผอม” พร้อมที่จะควักจ่ายทันทีสำหรับอาหารเสริมที่เป็น “ทางลัด” สู่ความผอม โดยไม่ยอมลงทุนเพื่อสุขภาพของตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย หรือควบคุมการบริโภคของตัวเอง ซึ่งเป็นต้นเหตุของความ “อ้วน” นั่นเอง

จากข้อมูลของพยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า ธุรกิจด้านสุขภาพความงามเป็นธุรกิจดาวรุ่งยอดนิยมต่อเนื่องกันมา 6 ปี มูลค่าตลาดความงามในไทยมากถึง 250,000 ล้านบาท ส่งผลให้มีผู้ประกอบการรายเก่า และผู้ประกอบการหน้าใหม่ ทั่วประเทศกว่า 1,800 ราย

ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า จากข้อมูลของ EuroMonitor พบว่าธุรกิจอาหารเสริมของไทยมีมูลค่ามากกว่า 6.67 แสนล้านบาท โดยธุรกิจอาหารเสริมนี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท

ได้แก่ อาหารเสริมความงาม อาหารเสริมสุขภาพและรักษาโรค และอาหารเสริมเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย อาหารเสริมสุขภาพ และรักษาโรคเป็นตลาดที่มีมูลค่ามากที่สุด ด้วยมูลค่ากว่า 518,000 ล้านบาท

รองลงมาเป็นอาหารเสริมความงาม มีมูลค่าตลาดประมาณ 142,000 ล้านบาท และอันดับสุดท้ายตลาดอาหารเสริมเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายมีมูลค่าตลาด 66,700 ล้านบาท

มีการประเมินว่าในปี 2560 ตลาดอาหารเสริมจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 11% เป็น 738,000 ล้านบาท

…แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีมูลค่าตลาดจำนวนมหาศาล ทำให้มีผู้เข้ามาเล่นในตลาดเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผ่านช่องทางการตลาดออนไลน์ หรือผ่านโซเชียลต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือ “เซเลป” เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพของสินค้า

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและอาหารเสริม ของ “เมจิก สกิน” ทำให้คนไทยเริ่มกลับมาตระหนักถึงความปลอดภัย ใช่มองแค่การตลาดผ่านโซเชียล เพียงอย่างเดียว

เพราะจากกรณีที่มีผู้เสียชีวิตจากการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เชื่อว่าตลาดเครื่องสำอางและอาหารเสริม ที่มีการโฆษณาชวนเชื่อผ่านโซเชียล อาจจะซบเซาไปในระยะหนึ่ง เพราะผู้บริโภคเริ่มมีความกังวลกับคุณภาพสินค้า

และทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการใช้เครื่องสำอางที่มีคุณภาพมากขึ้น

BEAUTY5

ทำให้มองเห็นภาพของบริษัทผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อย่าง บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ขึ้นทันใด!!!

เพราะ BEAUTY ทำธุรกิจหลักค้าปลีกเครื่องสำอางและบำรุงผิว ภายใต้ 5 แนวคิด ได้แก่ บิวตี้บุฟเฟต์, บิวตี้คอทเทจ, บิวตี้มาร์เก็ต, เมด อิน เนเจอร์ และบิวตี้พลาซ่า ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2560 มีสาขารวมทั้งสิ้น 374 แห่ง แบ่งเป็นในไทย 333 แห่ง และต่างประเทศ 41 แห่ง

อีกทั้ง บริษัทฯยังมีลุ้นถูกดึงเข้าคำนวณดัชนี MSCI ในรอบใหม่ และเตรียมประกาศรายชื่อในวันที 14 พ.ค.61

BEAUTY4

โดย บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BEAUTY พร้อมกับให้ราคาพื้นฐานที่ 26.00 บาท คาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 1/2561 สดใสมาก เติบโตถึง 46% y-o-y จากการขยายตลาดความงามด้วยสินค้าใหม่ๆ ร้านค้าอิสระและช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ ช่วยเร่งยอดขายประเทศใหม่ๆที่จะไปคือ ตะวันออกกลาง รัสเซียและ อินเดีย

ล่าสุด BEAUTY ได้มีการลงนามกับพันธมิตรจีน 3 ราย นำสินค้าไปจำหน่ายที่จีน และคาดการณ์ว่าจะได้รับ อ.ย.จากจีนประมาณไตรมาส 2/2561 นี้แล้ว ทำให้ธุรกิจยิ่งได้รับความไว้วางใจ

นอกจากนี้ ยังคาดว่าการเปิดตัว e-commerce ในลักษณะข้ามพื้นที่ขาย (cross border) ใน 2H61 จะเป็น upside ที่เพิ่มได้อีกในอนาคต

อย่างนี้ต้องบอกว่าส้มหล่นทับ! จริงๆ สำหรับหุ้น “BEAUTY”