Technology

เปิดสาเหตุบริษัทไม่พร้อมนำเทคโนฯ ใหม่เข้าใช้จริงจัง

เว็บไซต์ฟอร์บส์ ดอท คอม เผยแพร่บทความที่เขียนโดยนายแฮงค์ พรายบายสกี้ คอลัมนิสต์ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ ในหัวข้อเรื่อง “ทำไมบริษัทส่วนใหญ่ถึงยังไม่พร้อมที่จะนำเทคโนโลยีก้าวหน้าเข้ามาใช้อย่างเป็นรูปธรรม”

four 750xx2952 1664 0 0
ภาพ: bizjournals

นายแฮงค์ ระบุว่า เทคโนโลยีก้าวหน้ามีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงลักษณะของบริษัท ไล่ตั้งแต่การปฏิบัติงาน ไปจนถึงการปฏิบัติตนของพนักงาน และเหตุผลที่ทำให้ผู้นำตัดสินใจทำในเรื่องต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของเทคโนโลยีอาจเกิดขึ้นอย่างจำกัด และอาจสร้างความเสียหายได้ หากธุรกิจไม่เข้าใจถึงวิธีการที่จะนำเข้ามาใช้อย่างมีกลยุทธ์

นอกจากนี้ ความรู้สึกตื่นเต้น ที่เกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้กับการนำปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และเทคโนโลยีใหม่อื่นๆ ที่อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจในอนาคตเข้ามาใช้  อาจทำให้บริษัทต่างๆ รีบกระโดดเข้าสู่โลกเทคโนโลยีใหม่นี้เร็วเกินไป ด้วยเหตุผลแบบผิดๆ ทำให้เสียเวลา และเสียเงินในโซลูชันเทคโนโลยี ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเป้าหมาย และวิสัยทัศน์ของธุรกิจ

เราไม่ควรปล่อยให้เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นตัวผลักดันให้เกิดรูปแบบการทำธุรกิจ หรือกลยุทธ์ใหม่ๆ แต่ต้องให้กลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นตัวผลักดันให้เกิดการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้

ปัญหาของการวิ่งไล่ตามของใหม่ที่ดูสดใสเหล่านี้ คือ การให้ความสำคัญกับชัยชนะที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แทนที่จะมองถึงผลลัพธ์อย่างยั่งยืน

เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในภัยคุกคามใหญ่ที่สุด ในวัฒนธรรมการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมื่อถึงที่สุดแล้ว จะทำให้บริษัทต่างๆ พลาดผลประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลงในการเชื่อมต่อเทคโนโลยีดิจิทัล อย่าง เอไอ บล็อกเชน และไซเบอร์ เข้ากับซอฟต์แวร์ด้านต่างๆ

แม้เทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญของการทำงานในแต่ละวัน แต่ก็จะมีคุณค่าไม่ยั่งยืน ถ้ายังค้นหาวิธีที่จะเข้าไปอยู่ในกลยุทธ์การทำธุรกิจในวงกว้างไม่ได้

แทนที่จะเร่งแข่งขันกันนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้ามาใช้ ธุรกิจจำเป็นต้องนำกลยุทธ์ “top-down approach” เข้ามาใช้เป็นอย่างแรก คือ การวิเคราะห์ภาพรวมในมุมกว้าง โดยมองไปที่รูปแบบวิธีทำธุรกิจเป็นอย่างแรก จากนั้นก็นำความสามารถ ทักษะ และพนักงาน ที่จำเป็นสำหรับการสร้างการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเข้ามา

การทำแบบนี้ จะช่วยให้ธุรกิจลดความเสี่ยงไปอย่างมาก สำหรับการลงทุนอย่างหนักในด้านโซลูชันเทคโนโลยี ที่จำเป็นต้องสร้างขึ้นมาใหม่อย่างสมบูรณ์ในภายหลัง ซึ่งคุณจำเป็นต้องย้อนกลับไปดูที่ “สาเหตุ” และ “วิธี” แทนที่จะเอาแต่ถามว่า “อะไร”

technology

ถ้าอย่างนั้น กลยุทธ์นี้จะให้ประโยชน์อะไรบ้าง

ทั้งหมดนี้ก็ต้องย้อนกลับไปที่ข้อมูล หรือดาต้า ซึ่งข้อมูลพื้นฐานอยู่ตรงที่ว่า องค์กรเกือบทั้งหมดไม่พร้อมที่จะนำเทคโนโลยีแมชีน เลิร์นนิง เข้ามาใช้ เพราะข้อมูลของพวกเขายังไม่พร้อม การบริหารจัดการดาต้าเหล่านี้ เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดของการลงทุนด้านเทคโลยี และสร้างการเปลี่ยนแปลงในดีเอ็นเอของบริษัท

ในการเริ่มต้นนั้น บริษัทต้องถามตัวเองก่อนว่า จะต้องตัดสินใจอย่างไรบ้าง เพื่อให้ดาต้าเป็นเรื่องที่ได้รับความสำคัญเป็นอันดับแรก

จากนั้น ทุกคนก็ต้องมีแนวคิดเดียวกัน เพื่อกำหนดเป้าหมายสุดท้ายของการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้ และจุดนี้คือจุดที่การวิเคราะห์ภาพรวมเพื่อการเปลี่ยนแปลงจะเข้ามามีบทบาท กับคำถามที่ว่า ประสบการณ์แบบไหนของลูกค้า และพนักงาน ที่คุณกำลังพยายามทำให้สำเร็จอยู่ และ เครื่องมืออย่าง เอไอ บล็อกเชน และระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ (อาร์พีเอ) จะเข้ามาช่วยให้คุณบรรลุถึงเป้าหมายทางธุรกิจได้อย่างไร

ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องพิจารณาถึงความเสี่ยง ผลตอบแทน และการลงทุนในช่วงของการวางแผน ก่อนที่จะเดินหน้าไปสู่ขั้นตอนของการลงมือปฏิบัติ

บริษัทจะเริ่มต้นลงทุนในเอไอ และเทคโนโลยีอัตโนมัติอื่นๆ ทั่วทั้งระบบการทำงานของตัวเองได้อย่างจริงจัง ก็ต่อเมื่อมีการบริหารจัดการข้อมูล และมีการจัดวางเป้าหมายเอาไว้ทั้งหมดแล้วเท่านั้น

การที่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงยังเกิดการพลิกผันขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การมีกลยุทธ์สำหรับการนำเอไอเข้ามาใช้งาน เป็นสิ่งที่แยกบรรดาผู้นำในอุตสาหกรรม ออกจากกลุ่มที่ยังล้าหลังอยู่

ก่อนที่จะทำอะไรลงไป พุ่งเป้าไปที่การจัดการกับดาต้าของตัวเองก่อน เพราะเอไอจะทรงพลังได้แค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของข้อมูลที่เอไอใช้ในการตัดสินใจนั่นเอง

Avatar photo