นายพิฆเนศ ต๊ะปวง รอง เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค วันนี้ (8ก.พ.) มีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป (ธุรกิจบริการเสริมความงาม ธุรกิจดูแลผู้ป่วยผู้สูงอายุ ธุรกิจท่องเที่ยว รถยนต์ จำนวน 20 เรื่อง และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 15 เรื่อง กรณีของบ้านจัดสรร และคอนโดมิเนียม ตกแต่ง- รับเหมาก่อสร้าง
พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการ สคบ. กล่าวว่า สคบ. ขอแจ้งให้พ่อค้าแม่ค้า ที่ขายของผ่านออนไลน์ ทั้งขายผ่านเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก แอพพลิเคชั่นไลน์ หรือแอพพลิเคชั่นอื่นๆ และมียอดขายปีละกว่า 1.8 ล้านบาท ต้องจดทะเบียนเป็นผู้ค้าตลาดแบบตรง ตาม พ.ร.บ. ขายตรงและตลาดแบบตรงพ.ศ. 2560 กับสคบ. หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 1 ปีและปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีที่ผู้ค้าออนไลน์ไปเช่าพื้นที่ในเว็บไซต์เพื่อตั้งวางขายสินค้าตัวเอง ที่เรียกว่า” มาร์เก็ต เพลส” ก็ต้องจดทะเบียน ตลาดแบบตรงเช่นกัน เพื่อเป็นการดูแลผู้บริโภคและเจ้าของสินค้าเอง เนื่องจาก สคบ.พบว่าเริ่มมีเจ้าของสินค้ามาร้องเรียนว่า ไปเช่าพื้นที่เว็บไซต์ขายสินค้า และขายสินค้าได้แล้ว แต่ไม่ได้เงิน เพราะในเงื่อนไขการซื้อขาย จะให้ผู้ซื้อจะโอนเงินผ่านทางเว็บไซต์
ขณะที่เจ้าของสินค้าจะส่งสินค้าตรงไปยังผู้ซื้อเลย แต่ปรากฏว่าเว็บไซต์ที่รับเงินไม่ยอมโอนเงินให้กับเจ้าของสินค้า ขณะเดียวกัน สคบ.ตรวจพบว่า ปัจจุบันมีการขายสินค้าออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย เช่น บารากู่ บุหรี่ไฟฟ้า ขอเตือนว่าการทำเช่นนี้มีโทษทางอาญา สคบ.จะเข้าไปดำเนินการ
