คงเหลือเวลาอีกเดือนเศษๆ คนไทยทั้งประเทศคงจะได้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันอีกแล้ว หลังจากห่างหายมานานร่วมๆ 8 ปี วันนี้ไปไหนมาไหน มีแต่เสียงผู้คนพูดคุยกันแต่เรื่องเลือกตั้ง เรียกว่าถามไถ่กันน่าดู พรรคไหน คนไหน หน้าใหม่ หน้าเก่า ก็เป็นธรรมดาของผู้คนเมื่อจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น วงสนทนาคงหนีเรื่องอย่างนี้ไปไม่ได้
ฉะนั้นสถานการณ์จากนี้ก็คงเป็นหน้าที่ของผู้สมัครส.ส.ที่จะต้องทำหน้าที่ หาเสียง เรียกคะแนนศรัทธาจากพี่น้องประชาชน ทั้งคนใหม่และคนเก่า ยิ่งผู้สมัครหน้าใหม่ อาจต้องทำงานหนักกว่าอดีตส.ส. เพราะหน้าใหม่อาจจะยังไม่ได้สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ อย่าคิดว่าจบสูงๆ มีดีกรี เป็นนักเรียนนอก เป็นทายาทนักการเมือง นักธุรกิจ อย่าคิดว่าจะทำอะไรง่ายเสมอ สิ่งเหล่านี้ชาวบ้านเขายังไม่เห็นผลงานต่างหาก อาจเป็นภาระหนักสำหรับผู้สมัครส.ส.หน้าใหม่
เช่นเดียวกับอดีตส.ส.หน้าเก่าๆ วันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักกับการหาเสียง ยกเว้นอดีตส.ส.ที่ทำหน้าที่รักษาความดีอยู่อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็มีอดีตส.ส.จำนวนไม่น้อยหมดฤดูกาลเลือกตั้งเรียกว่า “หายหัว” ไปเหมือนกัน
คนกลุ่มนี้อาจจะหมิ่นเหม่ต่อการได้มาซึ่งคะแนน จะอาศัยจังหวะโผล่หน้าช่วงใกล้เลือกตั้ง อาจจะไม่ใช่ความสำเร็จเสียทีเดียว
แต่ที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้ คือเริ่มมีกระบวนการทำลายล้างคู่ต่อสู้ โดยเฉพาะคนที่ดูมีคะแนนนิยมดีๆ มักถูกมือดี ขุดคุ้ยเรื่องในอดีตบ้าง ขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาบ้าง หวังสร้างจุดอ่อน และสร้างความเกลียดชัง ส่วนจะจริงเท็จแค่ไหนอีกเรื่องหนึ่ง
ล่าสุด มีมือดีไปขุดคุ้ยเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดง ที่กำลังปราศรัยโดยอริสมันต์ บนเวที “ประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ” เผยแพร่ภาพผ่านไลน์กรุ๊ป ไลน์กลุ่ม พร้อมข้อความ “สุดารัตน์ ยืนข้างอริสมันต์ วันที่ประกาศจะเผารพ.ศิริราช ใครมีภาพให้เอามาดู กันคนลืม”
งานนี้ทำเอาหญิงหน่อย (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์) ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นั่งไม่ติดพยายามแหวกภาพที่ส่งกันตามไลน์กรุ๊ป ไลน์กลุ่ม ผู้หญิงผมยาว เสื้อแดงใช่ตัวเองหรือไม่ ดูไปดูมา ไม่ใช่นี่หว่า…
ล่าสุดหญิงหน่อย ถึงกับต้องออกมาชี้แจงผ่านทุกช่องทาง ระบุว่า ตามที่มีการส่งรูปและข้อความอันเป็นเท็จนี้ไปตามช่องทางไลน์ และโซเซียลมีเดียต่างๆ ดิฉันขอแจ้งให้ทราบว่า รูปดังกล่าวไม่ใช่ตัวดิฉัน การส่งข้อความอันเป็นเท็จได้สร้างความเสียหายให้กับดิฉันอย่างยิ่ง
ดิฉันจึงจำเป็นต้องดำเนินคดีกับผู้ที่ผลิตและผู้ที่ส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จ รวมทั้งการแสดงความเห็นที่เป็นการใส่ร้าย ทำให้เกิดความเสียหายต่อดิฉัน ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์(ฉบับที่ 2 )พ.ศ. 2560
เช่นเดียวกันเฟซบุ๊กส่วนตัว “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์” โพสต์ข้อความระบุว่า วันนี้หน่อยตัดสินใจ แจ้งความกับเพจ Facebook ซึ่งได้โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ สร้างความเข้าใจผิด เป็นการใส่ร้าย โจมตี หวังผลทางการเมือง มีการส่งต่อและแชร์มากกว่า 200 คน บางรายมีการเขียนข้อความเนื้อหาใส่ร้าย และส่งต่อไปในช่องทางไลน์หลายกลุ่ม
สำหรับผู้ที่ส่งรูปและข้อความเหล่านั้นต่อทาง Line และแชร์ตามโซเชียลมีเดียต่างๆ หน่อยขอแจ้งให้ทราบว่านั่นไม่ใช่ภาพของหน่อย และการแชร์เพื่อโจมตีด่าทอเช่นนั้น มีความผิดตามกฎหมาย โทษอาจถึงจำคุกและปรับ จึงขอให้หยุดแชร์ด้วยค่ะ
วิธีการโจมตีใส่ร้ายกัน บอกได้เลยว่า เป็นวิธีการน้ำเน่าของการเมืองไทยมายาวนานแล้ว เรียกว่าทุกยุคทุกสมัยก็ว่าได้ ยิ่งใครมีแต้มต่อดีกว่าคู่ต่อสู้ ก็จะมีมือดีมาคอยแซะอยู่ร่ำไป โดยเฉพาะพวก “นักเลงคีย์บอร์ด” ยิ่งยุคนี้เป็นยุคของโซเซียล มีเดีย การแพร่กระจายของข้อมูลไปอย่างรวดเร็ว แต่จะถูกหรือผิดอีกเรื่องหนึ่ง
แต่ถึงอย่างไรหากเรื่องที่ถูกกล่าวหา หรือใส่ร้ายไม่ใช่ความจริง ก็ยังมี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คอยคุ้มกัน ฉะนั้นเอาเป็นว่า หากใครถูกใครร้ายป้ายสี จับตัวยาก ก็ใช้พ.ร.บ.ตัวนี้เป็นเกราะกำบังไปได้ หากเรื่องราวเหล่านี้ไม่เป็นความจริง ยังเชื่อว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้โผล่ขึ้นมาตามโซเซียล มีเดีย ยังคงมีอีกหลายคนที่อาจจะตกเป็นเหยื่อของโซเซียล
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ยังไงหญิงหน่อย ก็ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน หากเรื่องราวที่ปรากฎไม่ใช่ของจริง จะได้เป็นบทเรียนให้กับพวก “นักเลงคีย์บอร์ด” สักที หรือไม่ก็เล่นงานไปยังพวก “อีแอบ” ที่คอยบงการใส่ร้ายป้ายสี
