Politics

ย้อนรอยเส้นทาง ก่อนศาลปล่อยตัว ‘ฮาคีม อัล อาไรบี’

คดี “ฮาคีม อัล อาไรบี” อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน มาถึงบทสรุปแล้วในวันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อศาลได้พิจารณาคำร้องของอัยการสำนักงานต่างประเทศ  ที่ขอให้ถอนฟ้องคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่งฮาคีมกลับไปดำเนินคดีที่บาห์เรน และอนุญาตให้ถอนคำร้องได้  และจะออกหมายปล่อยตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อปล่อยตัวนายฮาคีมต่อไป แล้วชีวิต “ฮาคีม” จะเป็นอย่างไรต่อไปต้องติดตามฉากต่อไปของเขา

ฮาคีม11262

คดีนี้ไทยตกอยู่ในภาวะ “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่เอากระดูกแขวนคอ” มาหลายเดือนติดต่อกัน หลังจากที่รัฐบาลบาห์เรนได้มีหนังสือลงวันที่ 3 ธันวาคม 2561 และเอกสารประกอบคำร้องขอ พร้อมคำแปลภาษาไทยส่งผ่านวิธีทางการทูตขอให้รัฐบาลไทยจับกุม และคุมขังชั่วคราวนายฮมคีม สัญชาติบาห์เรน เพื่อดำเนินการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปรับโทษตามคำพิพากษาที่ประเทศบาห์เรน ใน 4 ฐานความผิด ประกอบด้วย

  1. ลอบวางเพลิง สถานที่่แห่งหนึ่ง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
  2. ชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายมากกว่า 5 คนในที่สาธารณะ และใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่ออาชญากรรม และก่อกวนความสงบเรียบร้อยของประชาชน
  3. ครอบครองว้ตถุไวไฟ ซึ่งเป็นระเบิดขวด เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่ออันตรายแต่ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน
  4. ทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลของผู้อื่นเสียหายตามประมวลกฎหมายอาญาบาห์เรน ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกเกิน 1 ปีขึ้นไป และคดียังไม่ขาดอายุความ ซึ่งนายฮาคีม เป็นจำเลยที่ 4 ในคดีอาญาดังกล่าว ซึ่งศาลได้พิจารณาลับหลัง และพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 4 ให้จำคุกเป็นเวลา 10 ปี

โดยทางการบาห์เรนระบุว่า นายฮาคีม ได้หลบหนี ทำให้สำนักงานอัยการบาห์เรน ต้องออกหมายจับเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2554 และไทยก็จับกุมตัวเขาไว้ ขณะที่เดินทางมาฮันนีมูนที่ไทย

แหล่งข่าววงในจากสำนักงานอัยการสูงสุด อธิบายเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้เป็นเพราะไทยไม่รู้  เมื่อทางบาห์เรนขอความร่วมมือมา โดยระบุว่าคนนี้มีคดีในประเทศของเขา เราก็ทำตามหน้าที่ของเรา ไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัยออสเตรเลีย

“เป้าหมายทางบาห์เรนต้องการตัวนายฮาคีม ไปดำเนินคดีในประเทศของตนอยู่แล้ว จึงรอจังหวะที่นายฮาคีม มาเมืองไทย และมีหนังสือให้เราจับกุมเลย โดยที่ไทยคิดว่าประเทศต้นทางคือ บาห์เรน ไม่รู้ว่านายฮาคีมมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยของออสเตรเลียมาก่อน”

ขั้นตอนของไทยยืนยันว่า ทำไปตามกฎหมาย เพราะทางบาห์เรนแจ้งว่ามีคดีในประเทศของเค้า ซึ่งเราไม่มีสิทธิสอบสวนว่านายฮาคีม ทำผิดจริงหรือไม่อย่างไร แต่เราก็ขอเอกสารทางคดีจากบาห์เรนมาประกอบการพิจารณา ซึ่งลักษณะแบบนี้ เคยมีกรณีที่ไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดชาวเวียดนาม โดยส่งไปดำเนินคดีที่สหรัฐ ซึ่งเวียดนามไม่ได้คัดค้าน ไทยก็ส่งไปโดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

“ไทยทำตามกฎหมายทุกอย่าง เพียงแต่ภาพอาจออกไปไม่ดีเท่าไหร่ มีการล่ามโซ่ เป็นต้น ประกอบกับในสายตาต่างชาติแล้ว เราไม่ได้รับความเชื่อถือสักเท่าไหร่ ซึ่งมาจากการสะสมในหลายๆเรื่อง ต้้งแต่ภาพประชาธิปไตยของเรา เลือกตั้งเลื่อนแล้วเลื่อนอีก แถมมีเรื่องนาฬิกาของพลเอกดัง เหล่านี้มีผลต่อความเชื่อมั่นในสายตาต่างประเทศทั้งสิ้น และกรณีล่าสุดที่มีการวิพากวิจารณ์กรณีมีการบุกโจมตีโดยกลุ่มผุู้ก่อการร้ายที่ โรงแรมดุสิตดีทู ในกรุงไนโรบี ของเคนยา ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจไปยังนานาชาติ”

ลำดับเหตุการณ์ ฮาคีม อัล อาไรบี 01

อย่างไรก็ตามกรณีฮาคีม คลี่คลายลง หลังจากมีการพูดคุยในระดับประเทศ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นเรื่องหลัก  มากกว่าการนำข้อกฎหมายมาเป็นหลักเพียงอย่างเดียว อาจมีหลายคนบอกว่าทำไมไม่ใช่มาตรา 44 แก้ไขปัญหา แต่ไม่ง่าย ที่จะทำ นายกรัฐมนตรีเองก็คงไม่กล้าทำ เพราะความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติก็จะลดลงไปอีก และไทยจะไปขัดแย้งกับบาห์เรนทันที เพิ่มประเด็นปัญหาอีก

ขณะที่แหล่งข่าวนักกฏหมายอีกรายหนึ่ง ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ที่ผ่านมาท กระทรวงการต่างประเทศของไทย วางตัวได้อย่างถูกต้องแล้ว  เพราะบาห์เรน กับไทย ก็มีความสัมพันธ์กันดี ต้องดำเนินการแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น

เขาทิ้งท้ายด้วยว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของไทย ไม่ควรเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเข้าไปแล้ว ก็ต้องวางตัวเป็นกลางอย่างเหมาะสม

Avatar photo